วันที่ 1 ต.ค. บีบีซี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความขัดแย้งนองเลือดระหว่าง อาเซอร์ไบจาน และ อาร์เมเนีย หลังเปิดฉากแย่งชิงกรรมสิทธิ์เหนือ ภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค หรือ สาธารณรัฐอาร์ทซัค ในพื้นที่เทือกเขาคอเคซัส อีกครั้งตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 27 ก.ย. ว่า ประธานาธิบดีอิลฮัม แอลีเยฟ ผู้นำอาเซอร์ไบจาน แถลงเดินหน้าโจมตีจนกว่ากองกำลังอาร์เมเนียจะล่าถอยออกจากพื้นที่พิพาท

ท่ามกลางความวิตกกังวลของนานาประเทศ ภายหลังการปะทะทวีความรุนแรงต่อเนื่อง ขณะที่ยอดเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 130 ราย ฝ่ายอาร์เมเนียมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 94 ราย เป็นทหาร 92 นาย และพลเรือน 2 ราย ฝ่ายอาเซอร์ไบจานมีทหารเสียชีวิต 27 นาย และพลเรือนอีก 10 ราย

“เรามีแค่เงื่อนไขเดียว กองกำลังอาร์เมเนียต้องออกจากแผ่นดินของเราโดยทันทีและไม่มีข้อแม้” นายแอลีเยฟกล่าว

ด้านกระทรวงกลาโหมอาร์เมเนียเผยแพร่ภาพถ่ายเครื่องบินรบซุคฮอย ซู-25 ของกองทัพอาร์เมเนียที่ถูกเครื่องบินขับไล่เอฟ 16 ของกองทัพอากาศตุรกียิงตก พร้อมประณามการแทรกแซงของตุรกี ต่อมาทางการตุรกีแถลงปฏิเสธข้อครหาของรัฐบาลอาร์เมเนีย และว่าเป็นแผนโฆษณาชวนเชื่อไร้ค่า

ส่วนนายอิลนูร์ เซวิก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป เอร์โดอัน ผู้นำตุรกี ปฏิเสธรายงานของบีบีซีอารบิกที่เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของนักรบร่วมสมรภูมิคนหนึ่งว่า ตนถูกเกณฑ์มาจากตอนเหนือของซีเรียเมื่อสัปดาห์ก่อน จากนั้นถูกส่งไปยังตุรกีเพื่อสู้ศึกที่เกิดขึ้นในนากอร์โน-คาราบัค โดยนายเซวิกย้ำว่าเป็นข่าวโคมลอยที่ไม่มีข้อเท็จจริง

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส แสดงความกังวลอย่างยิ่งยวดต่อแถลงการณ์ของรัฐบาลตุรกี พันธมิตรเหนียวแน่นของอาเซอร์ไบจาน หลังประกาศว่าพร้อมเต็มกำลังที่จะช่วยเหลืออาเซอร์ไบจานในการทวงคืนดินแดนในอธิปไตย