ส่อวุ่น! ศาลยกคำร้อง กกต. แจกใบส้ม ‘สุรพล’ ทนายจ่อฟ้องเอาผิด เรียกค่าเสียหาย 70 ล้าน

ส.ส.เชียงใหม่เขต 8 ส่อวุ่น หลังศาลฎีกายกคำร้องžคดีแจกใบส้ม ”สุรพลž” ทนายเตรียมฟ้องเอาผิดกกต.157 เรียกค่าเสียหาย70ล้าน

เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง ศาลพิจารณาในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบส้ม) เเละให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ตามความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ

โดย กกต.ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2562 มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งลงวันที่ 24 มกราคม 2562 เรื่องกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวันรับสมัครรับเลือกตั้ง กรณี กกต.กล่าวหาว่าการใส่ซองทำบุญให้กับพระสงฆ์ 2,000 บาท มีมูลความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 (2) ฐานให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชนสมาคมมูลนิธิวัดสถานศึกษาสถานสงเคราะห์หรือสถาบันอื่นใดในช่วงที่มีการเลือกตั้ง

โดยศาลพิเคราะห์เเล้วเห็นว่า การพูดดังกล่าวไม่ใช่เป็นการหาเสียงเเละมีลักษณะเป็นการพูดขอฝากเนื้อฝากตัวอย่างไร จึงยังไม่เพียงพอให้รับฟังว่าผู้คัดค้านไปที่หอประชุมบ้านคู่ฮ้อสามัคคี โดยมีเจตนาเพื่อหาเสียงเป็นสำคัญข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านถวายเงิน 2,000 บาท แก่พระครูถาวรวรคุณ เพื่อเป็นการสื่อให้ชาวบ้านเข้าใจว่าผู้คัดค้านได้บริจาคเงินสมทบให้แก่กองผ้าป่าสามัคคีของหมู่บ้านเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองด้วยวิธีการให้เงินไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชนอันจะเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (2) ตามคำร้อง และเมื่อฟังว่าผู้คัดค้านไม่ได้กระทำความผิดตามคำร้องแล้วผู้คัดค้านจึงไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่เขตเลือกตั้งที่ 8 ตามคำร้อง พิพากษาให้ยกคำร้อง

โดยที่รัฐสภา นายสุรพล แถลงภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษายกคำร้องกรณีที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบส้ม หรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เป็นการชั่วคราว 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2562 หลัง กกต.กล่าวหาว่าการใส่ซองทำบุญให้กับพระสงฆ์ จำนวน 2,000 บาท มีมูลความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 (2) ฐานให้เงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใดในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ว่า คดีนี้เป็นคดีแรกที่ ส.ส.ฟ้อง กกต.ได้รับชัยชนะ และใช้เวลาต่อสู้มา 1 ปี 5 เดือน 5 วัน จึงเป็นวันที่ภาคภูมิใจในเกียรติยศที่ได้รับความยุติธรรมจากศาลฎีกา และได้คืนสิทธิและอำนาจในคะแนนจากประชาชนที่ได้ลงคะแนนให้ตนกว่า 5 หมื่นคะแนน ซึ่งเป็นคะแนนบริสุทธิ์ จึงอยากให้ประชาชนเขต 8 จ.เชียงใหม่ ได้รับทราบว่าทุกคนได้คืนศักดิ์ศรีเกียรติยศ และตนได้รับความเป็นธรรมทุกอย่างถูกต้องไม่มีความผิด

นายปกป้อง กลับวิเศษ ทนายความ นายสุรพล เกียรติไชยากร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ทีมทนายจะติดตามความชัดเจนจาก กกต.ว่าจะทำอย่างไรต่อคะแนนการเลือกตั้งกว่า 50,000 คะแนน ที่นายสุรพลได้รับ ซึ่งเป็นคะแนนบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทีมทนายได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากการที่ไม่ได้ทำหน้าที่ ส.ส.จาก กกต.แล้วจำนวน 70 ล้านบาท ฐานให้ใบส้มโดยมิชอบ ใช้อำนาจหน้าที่โดยละเมิด แต่ยังไม่ได้มีการฟ้องร้องเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งหาก กกต.ยังไม่คืนสิทธิก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานฝ่ายกฎหมายพรรค พท. กล่าวว่า เรื่องนี้พรรค พท.ได้เคยแสดงความเห็นไว้หลายครั้งแล้ว ว่า การให้อำนาจ กกต.ในการออกใบส้ม คือการเอาผู้สมัครออกจากเวทีการเลือกตั้ง ทั้งยังไปเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งว่าคำสั่งออกใบส้มของ กกต.นั้นให้เป็นที่สุด เท่ากับเป็นการย้อนอำนาจให้กับ กกต.ใช้อำนาจกึ่งตุลาการเพิกถอนสิทธิผู้สมัครได้ ในอดีตอำนาจเหล่านี้รัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งยกให้ศาล โดยเห็นว่า กกต.ไม่ควรจะใช้อำนาจทั้งการสืบสวน สอบสวน วินิจฉัยชี้ขาดได้ในตัวเอง เรื่องนี้ที่ตอบได้ในขณะนี้คือนายสุรพลไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งซ่อม พรรค พท.คงจะได้คืนสิทธิกรณีที่ กกต.อายัดเงินจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่พรรคเพื่อไทยได้รับโดยเหตุดังกล่าว

นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า กรณีเช่นนี้ปรากฏว่าได้มีการเลือกตั้งซ่อมและมีผู้ได้รับเลือกตั้งโดย กกต.ได้ประกาศรับรองไปแล้ว จึงมีปัญหาว่า กกต.จะมีทางออกเรื่องนี้อย่างไร เป็นปัญหาใหญ่ในทางกฎหมาย โดยต้องถือว่านายสุรพลได้รับความเสียหายเป็นอย่างยิ่ง ต้องเสียสิทธิในการเป็น ส.ส.ทั้งที่ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง เราคงจะต้องสอบถามไปยัง กกต.ว่าจะปฏิบัติและให้ความเป็นธรรมต่อนายสุรพลอย่างไร แต่ที่แน่ๆ เราเชื่อว่า กกต.ต้องรับผิดชอบ ชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะต้องถือว่า กกต.ใช้ดุลพินิจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง