อนุทิน พร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ยัน พ.ร.ก. ฉุกเฉินมีประโยชน์

อนุทิน พร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ยัน พ.ร.ก. ฉุกเฉินมีประโยชน์

เมื่อวันที่ 28 กันยายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ศบค. ว่า จากการหารือเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาปลัดกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อม ต่อมาตรการเปิดประเทศในระยะต่างๆ ให้มั่นใจว่าหากมีเหตุการณ์ติดเชื้อทางสาธารณสุขมีความพร้อมในการควบคุมโรคและรักษาพยาบาล เราจึงต้องรีบผ่อนคลายให้เป็นปกติเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เมื่อถามว่าเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า มันไม่มีเงื่อนไขอะไร แต่มันคือการเฝ้าระวังและตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาในแต่ละระยะ เหมือนช่วงที่เราล็อคดาวน์ก็มีระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ดังนั้นจำเป็นต้องผ่อนคลายไปเรื่อยๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการลดเวลาในการกักตัวจาก 14 วันเป็น 7 วัน นายอนุทิน กล่าวว่า ในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน โดยประเทศที่มีการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อได้ดี ไม่มีการแพร่ระบาดในประเทศนั้น เป็นระยะเวลาพอสมควรเราจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการที่เข้มข้นที่สุด เพราะมันจะเป็นการชะลอการทำมาหากินการเดินทางสัญจรไปมา เพื่อประกอบธุรกิจ ยืนยันว่าเราดำเนินการทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง เพื่อความมั่นใจ เมื่อถามว่าที่ประชุมวันนี้จะมีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศยกตัวอย่างประเทศที่มีความปลอดภัยมาก อาจจะออกมาในรูปแบบของ travel bubble ส่วนบางประเทศก็อาจจะยังต้องคงการกักตัว ซึ่งเป็นข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข แต่เนื่องจากเราอยู่ภายใต้ ศบค. ซึ่งมีนายกเป็นประธานเราเป็นผู้นำเสนอและเป็นผู้สนับสนุนเหตุผลต่างๆ ถ้าที่ประชุมจะเห็นด้วย ในหลักการนี้เราก็จะสนับว่าความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข การแพทย์การพยาบาล เวชภัณฑ์ เป็นอย่างไร

 

เมื่อถามว่าการประชุม ศบค.วันนี้จะมีการจะมีเสนอต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ทราบเพราะเรื่องการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องนำเสนอเข้าที่ประชุม เมื่อถามย้ำว่าจำเป็นต้องต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า มันมีหลายมิติที่ต้องดู ถามว่าสาธารณสุขไปสั่งตำรวจไปสั่งผู้ว่าทหารบอกเต็มที่ได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ บางครั้งการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็มีประโยชน์ ในเรื่องของความฉับพลันรวดเร็วและเด็ดขาด หากมีสถานการณ์เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ขอย้ำว่าพรกฉุกเฉิน เป็นการประกาศใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ไม่ได้เป็นการประกาศใช้เพื่อลิดรอนสิทธิส่วนบุคคล หรือสิทธิการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือทางประชาธิปไตย

“จริงๆมันไม่ใช่พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าจะทำใจให้สบายมันคือพ.ร.ก.พิเศษฉบับหนึ่ง ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยกับประเทศไทยและประชาชน นี่คือเจตนารมณ์ของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ถูกใช้มาในช่วง 4-5 เดือน เพราะไม่มีการจำกัดสิทธิ์อะไรสักอย่าง” นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า จะไม่มีภูเก็ตโมเดล แต่จะเป็นไทยแลนด์โมเดลเพราะไม่เช่นนั้นคนภูเก็ตก็จะกล่าวหาว่าเป็นจังหวัดหนูทดลองยา ซึ่งอาจจะหาจังหวัดที่พร้อมนำร่องก่อน