โรม ชี้ รบ.แห่งชาติแค่ข่าวลือ มั่นใจ เพื่อไทยปรับทัพใหม่ ไม่กระทบจุดยืนฝ่ายค้าน

“รังสิมันต์ โรม”  มั่นใจ “เพื่อไทย” ปรับทัพ ไม่กระทบจุดยืน “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ชี้ “รัฐบาลแห่งชาติ” แค่ลือ เกิดขึ้นยากมาก

เมื่อวานนี้ ( 27 ก.ย.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้หลุดจากตำแหน่งผู้นำพรรคฝ่ายค้านจะกระทบการทำงานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ว่า ถือเป็นการจัดการภายในของพรรคเพื่อไทยที่พรรคก้าวไกลต้องเคารพ เหมือนที่เราเคารพการทำงานซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบการทำงานระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในฐานะที่พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย ได้ทำงานร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาด้วยกัน เชื่อว่า ในภาพรวมภาพใหญ่ของพรรคเพื่อไทย จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนรายละเอียดภายในพรรคเพื่อไทยก็ต้องให้เขาว่ากันไป ยังมั่นใจว่าพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้านในเชิงยุทธศาสตร์แล้ว ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนจุดยืนด้วยนั้น เบื้องต้นตนเชื่อว่ายังไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น เพราะการเปลี่ยนจุดยืน เช่นจากเดิมอยู่ฝ่ายค้านเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายตรงข้ามอย่างนั้นมันไปไกลเกินไป และประชาชนที่เลือกตั้งก็คงยอมไม่ได้ โดยเฉพาะส.ส.ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ การจะให้เปลี่ยนจุดยืนแบบนั้นไม่ใช่เชื่อง่าย ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ตนเชื่อว่าภาพรวมของการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ รวมถึงอนาคตที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่มีอะไรมากระทบ เพียงแต่เราต้องรอดูเรื่องการจัดการการเปลี่ยนผ่านของพรรคเพื่อไทยว่าจะนำไปสู่อะไร ตนยังมองโลกในแง่ดีว่าไม่มีผลกระทบอะไรต่อพวกเรา

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คุณหญิงพจมาน ณ ป้องเพชร จะเข้ามาบริหารยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้วยตัวเอง แล้วจะยังคงเชื่อมต่อการทำงานร่วมกันได้ต่อไปหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่ได้รู้จักกับคุณหญิงพจมาน จึงยังตอบอะไรมากไม่ได้ แต่เชื่อว่า การทำงานในสภาฯ ที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนก็คุ้นเคยกันดี คิดว่าที่ผ่านมาการทำงานเรายังมองปลายทางเดียวกัน ยังไม่ถึงกับมีปัญหาอะไร

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสความเป็นไปได้ของรัฐบาลแห่งชาติ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงมีการโยนหินถามทางกันมาเรื่อยๆ เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมอ่อนไหวกับความขัดแย้งกับการเห็นภาพคนทะเลาะกัน แต่ในความเป็นจริงเราต้องมองว่านี่คือกระบวนการปกติ เพราะสังคมประชาธิปไตย เราจะไปบังคับให้มีความเห็นเหมือนกันคงไม่ได้ ดังนั้นความเห็นแย้งหรือเห็นไม่ตรงกันจึงเป็นเรื่องปกติ แต่จะนำไปสู่รัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ ตนมองว่าเราคงคิดไปไกล เนื่องจากที่ผ่านมาก็พูดกันหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เกิดเสียที คิดว่าโอกาสที่จะเป็นรัฐบาลแห่งชาติไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจุดยืนหลายเรื่องเห็นไม่ตรงกัน

“ถ้าเป็นรัฐบาลแห่งชาติที่เคารพสิทธิมนุษยชน เคารพหลักการความเท่าเทียมกันของมนุษย์ เราจะไม่ยอมให้เกิดรัฐประหารต่อไป เรียกร้องการปฏิรูปกองทัพ คำถามก็คือว่าถ้ารัฐบาลแห่งชาติเป็นแบบนั้นแล้วพรรคการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์หรือมีแนวคิดแบบนั้นจะยอมหรือไม่ เช่นเดียวกันกับว่าถ้ารัฐบาลแห่งชาติไม่เอาประเด็นเหล่านั้นมาพูดคุยกันก็จะเกิดคำถามอีกว่าฝ่ายค้านจะยอมได้หรือเปล่า ดังนั้นคำว่ารัฐบาลแห่งชาติ ตนก็ยังนึกไม่ออกว่าจะมีจุดร่วมกันตรงไหนที่จะนำไปสู่การตั้งรัฐบาลแห่งชาติได้ ดังนั้นยังเชื่อว่าเป็นแค่ข่าวลือที่ปล่อยออกมาเป็นระยะเท่านั้น และต้องติดตามต่อไป” นายรังสิมันต์ กล่าว