วันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา ที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ คณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร และคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.) จัดกิจกรรม ตลาดนัด “งานสภากับประชาชน” โดยมีเวทีเสวนา มินิคอนเสิร์ต และการออกร้านบริเวณด้านหน้าและด้านข้างอนุสรณ์สถานจำนวนกว่า 20 ร้าน โดยมีกิจกรรมต่างๆ ต่อเนื่องตั้งแต่เวลาประมาณ 09.00 น. ของวันนี้

สำหรับบรรยากาศในช่วงค่ำ ณ ลานครึ่งวงกลม บริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มีการแสดงมินิคอนเสิร์ตและพีเพิลทอล์ค ในหัวข้อ “ประชาชนถึงสภาร่างรัฐธรรมนูญ” โดยเมื่อเวลาประมาณ 19.45 น. นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดัง กล่าวว่า ตนมายืนตรงนี้ในนามกลุ่มแคร์ซึ่งต้องการทำให้ประเทศดีขึ้น วันนี้อาจเป็นคนเดียวที่มาพูดในสิ่งที่ทุกคนไม่อยากฟัง นั่นคือความจริงของชีวิตในเดือนหน้า คือตุลาคม สิ่งสำคัญมากคือเศรษฐกิจไทยที่มาถึงจุดวิกฤต โดยในเดือนหน้าจะเกิดหายนะแบบประเมินไม่ได้ ซึ่งหนักกว่าปี 40 ที่เป็นการล้มบนฟูกของคนระดับกลาง แต่เดือนหน้ารากหญ้าจะไม่เหลืออะไรเลย

นายดวงฤทธิ์กล่าวว่า ในช่วงโควิด ธนาคารให้พักชำระหนี้ ซึ่งในเดิอนหน้า ธนาคารให้กลับมาจ่าย มีการเรียกเก็บหนี้ ถามว่า จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมซึ่งเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนประเทศจะกระทบมาก ตัวเลขที่จะต้องมีการใช้คืนธนาคารคือ 2 ล้านล้านบาท หากไม่มีคืนธนาคาร อะไรจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มแคร์เคยแนะแนวทางแก้ปัญหาไว้แล้วตั้งแต่ 150 วันก่อน โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครสนใจ ล่าสุด ขนาดรมว.คลังยังลาออก ไม่มีการเตรียมรับหนี้เสีย

“ที่น่าเศร้าคือ ประเทศเรามีเงินมากพอที่จะทำให้เรารอด แต่ไม่มีใครบริการจัดการ เพราะไม่ได้มองประชาชนเป็นศูนย์กลาง เดือนหน้าจะเกิดหนี้เสีย ประมาณการไว้ 2 ล้านล้าน คำถามคือรัฐบาลมีแนวทางแก้หรือยัง” นายดวงฤทธิ์กล่าว

นายดวงฤทธิ์กล่าวว่า ไม่ว่าอย่างไร ขอคนไทยอย่าโทษตัวเองว่า โง่ ไม่ดี จีงต้องลำบาก เพราะเกิดมาแบบนี้ จริงๆแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเจอ ทางแก้วิกฤตมี แต่รัฐบาลไม่แยแส เพราะตัวเองไม่เดือดร้อน มีเงินเดือนจากภาษีประชาชนใช้ จึงไม่เสี่ยงคิดนโยบายที่ท้าทาย ตนขอภาวนาให้คาดการณ์ผิด ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้เข้มแข็ง เราจะเป็นกำลังใจให้กัน