อดีต สมช.ชี้ชุมนุมใหญ่เดือนตุลา ปชช.มาเป็นแสนไล่นายกฯจนตกเก้าอี้ หลังส.ว.ลิ่วล้อเหิมเกริมลองของ

เสาร์ 26 ก.ย.63 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวฉายภาพสถานการณ์การเมือง เริ่มจากการชุมนุมเรียกร้อง3ข้อ 1.หยุดคุกคาม 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ3.ยุบสภา ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมเมื่อ19-20 ก.ย.นั้น เป็นการเดินกลยุทธ์ที่บรรลุเป้าหมายแล้วอย่างแยบยล

คือ 1.ได้สร้างการรับรู้ให้เห็นความจริงว่าขบวนการสืบทอดอำนาจ คือต้นตอใหญ่ให้เกิดความวิบัติของประเทศ และ 2.ได้สร้างประชาชนให้มีความกล้าหาญในการแสดงออก แล้วเดินหมากกลต่อโดยกลุ่มไอลอร์ยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชนแสนกว่ารายชื่อ เพื่อให้รู้ว่าประชาชนอยากได้รัฐธรรมนูญแบบใด แต่การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญของส.ส.เมื่อ24ก.ย.ก็ล่มลง ต้องเลื่อนเวลาไปสมัยประชุมหน้า เพราะวุฒิสมาชิกขู่จะไม่ยอมผ่านให้ เหิมเกริมขอลองของประชาชน เลยหลงเหลี่ยมเปลือยความเป็นลิ่วล้อของผู้นำสืบทอดอำนาจออกมาเสียเอง เข้าทางกลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอก ที่รู้เท่าทันอยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น จึงใช้สถานการณ์นี้ย้ำให้สังคมเห็นภาพความจริงอย่างไร้ข้อกังขา ว่าใครคือกลุ่มคนขบวนการสืบทอดอำนาจ และนำไปสู่การตกผลึกว่า ขบวนการสืบทอดอำนาจที่หน้าด้าน เห็นแก่ตัว โดยมีผู้นำสืบทอดอำนาจเป็นหัวโจกใหญ่ คือรากเหง้านำพาประเทศสู่ความวิบัติ ดังนั้นหนทางปฏิบัติที่จะทำให้ปัญหามันจบลงที่รุ่นเรา

เมื่อผู้แทนราษฎรจัดการให้ไม่ได้ จึงคาดการณ์ว่าพี่น้องประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริง เขาจะออกมาแสดงบทบาทเอง นั่นคือการร่วมชุมนุมใหญ่เบิ้มๆกลางเดือนตุลาคม เพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจแบบชนิดเล่นไม่เลิก จนต้องตกเก้าอี้ไปเท่านั้นจึงจะยุติ ซึ่งพลังประชาชนเป็นเรือนแสนแล้วย่อมใช้เวลาจัดการไม่นานหรอก และเมื่อนั้นข้อเรียกร้องหลักทั้ง3ข้อ จะทำเป็นรูปธรรมได้อย่างลงตัว บ้านเมืองจะเดินหน้าสู่เป้าหมายของ อำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชน และ แผ่นดินนี้ต้องเป็นธรรม