ปชช.ปลดแอก ยื่น 3 ข้อเสนอ ขีดเส้นตายสิ้นเดือนนี้ ลั่น ถ้าเมิน ตุลาฯเจอกันแน่

ปชช.ปลดแอก ยื่น 3 ข้อเสนอ ขีดเส้นตายสิ้นเดือนนี้ ลั่น ถ้าเมิน ตุลาฯเจอกันแน่

เมื่อวันที่ 15.00 น. บริเวณหน้ารัฐสภา เกียกกาย ซึ่งเป็นจุดนัดหมายทำกิจกรรม ‘ไปสภา ไล่ขี้ข้าศักดินา ผูกโบ ปราศรัย ยื่นใบลาออก’ โดย คณะประชาชนปลดแอก และ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศทั่วไปบริเวณหน้าประตูทางเข้าออก ว่ามีประชาชนจำนวนมากเดินทางร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดง มีการตั้งร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ บนบาทวิถีทั้ง 2 ฝั่งถนนสามเสน โดยมีการนำภาพหมุดคณะราษฎรหมุดที่ 2 ซึ่งถูกฝังที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 20 กันยายน ก่อนถูกถอนออก มาจัดทำเป็นสินค้าจำหน่าย โดยสกรีนเป็นลวดลายบนเสื้อยืดและกระเป๋าผ้า นอกจากนี้ บริเวณกองอำนวยการ มีการแจกสติ๊กเกอร์รูปหมุดดังกล่าวฟรี ซึ่งมีผู้ต่อคิวรับแน่น

บรรยากาศเมื่อเวลา 16.00 น. ฝนเริ่มลงเม็ด แต่ประชาชนยังคงปักหลักหน้ารัฐสภาเช่นเดิม ในขณะเดียวกัน กลุ่มเสื้อแดงมีการจัดเวทีคู่ขนานระหว่างการติดตั้งเวทีใหญ่ โดยใช้พื้นที่ใต้ต้นโพธิ์อภิปรายโจมตีการทำงานของรัฐบาล

เวลา 16.00 น. มวลชนตะโกนโห่ไล่ ส.ว.หน้าประตูรัฐสภา โดยส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ประกาศเข้าร่วมก่อนหน้านี้ ขณะที่เวทีปราศรัยบนรถขยายเสียงขนาดใหญ่เริ่มต้น โดยนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัวแทนกลุ่มเสรีเทยพลัส และแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยในประเด็นการนำเงินประกันสังคม ไปลงทุนในบางธุรกิจ รวมถึง 250 ส.ว.

เวลา 16.10 น. เวทีมีการประกาศให้มวลชนขยับไปชิดทางฝั่งขวาของประตูรัฐสภา เพื่อเคลื่อนย้ายรถขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นเวทีขยับลงสู่ถนนสามเสน ในขณะเดียวกันมีการนำผ้าขนาดใหญ่ผูกเป็นโบขาวที่ประตูรัฐสภา

เวลา 16.20 น. มีการย้ายป้ายไวนิลมีข้อความ ‘เป็นกำลังใจให้ ส.ว. กลับบ้านเลี้ยงหลาน’ จากริมถนนสามเสน ไปผูกหน้าประตูรัฐสภาคู่กับโบขาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนหนึ่ง ตัวแทนกลุ่มเสรีเทยพลัสประกาศเชิญชวนว่า ต่อจากนี้ไป หากมีม็อบที่ไหน ขอให้นำสติ๊กเกอร์หมุดคณะราษฎรที่ 2 ไปติดที่นั่น และพ่นสีเป็นรูปหมุดดังกล่าวบนพื้นถนนสามเสน ตอนหนึ่งมีการโห่กดดันไม่ให้โหวตคว่ำร่างแก้รัฐธรรมนูญ

บรรยากาศการปราศรัยเมื่อเวลา 17.30 น. นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากกลุ่มเสรีเทยพลัส เป็นตัวแทนคณะประชาชนปลดแอกในการอ่าน ข้อเสนอ 3 ประการของคณะประชาชนปลดแอก ได้แก่

1. ส.ว.ต้องให้ความร่วมมือกับ ส.ส. ใช้กระบวนการรัฐสภาในการยกมือสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้ตั้ง ส.ส.ร. และต้องสนับสนุนให้แก้มาตรา 269-272 เพื่อแก้ที่มา ปรับลดอำนาจต่างๆ ของ ส.ว. ซึ่งมาตราเหล่านี้ทำให้ ส.ว.เป็นความอัปยศ และความวิปริตอย่างที่ไม่เคยเป็นในประวัติศาสตร์

2.แก้รัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ทั้งหมด โดยปราศจากการแต่งตั้ง ไม่สอดไส้เพื่อรักษาอำนาจเผด็จการ เพื่อให้การร่างรัฐธรรมนูญ เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง

และ 3.เพื่อให้ประเทศไทยเข้าสู่ครรลองประชาธิปไตย ขอให้เปิดทางแก้รัฐธรรมนูญได้ทุกหมวด ทุกมาตรา

ตัวแทนคณะประชาชนปลดแอกกล่าวว่า หากไม่มีการดำเนินการ ประเทศไทยจะปกคลุมด้วยความมืดมิด เยาวชน และประชาชนไม่อาจเห็นแสงสว่าง หากฝืนกระแสธารกาลเวลา หากสิ้นเดือนกันยายนนี้ ยังมี ส.ว.ในสภา หรือข้อเรียกร้องยังถูกเมิน ในเดือนตุลาประชาชนจะกลับมา

 


“สิ่งที่เกิดในประเทศไทยตอนนี้ไม่มีอะไรมากกว่าการที่ชนชั้นนำหวงอำนาจที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย มีการเกาะแขนเกี่ยวไม่ปล่อย ทั้งที่รู้ว่าเวลาของตัวเองใกล้หมดแล้ว

“สถานการณ์การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ทางตัน เพราะกลไกรัฐธรรมนูญ 60 มีการสืบทอดอำนาจอย่างเป็นระบบ กติกาบิดเบือน รัฐบาลไร้เสถียรภาพ เศรษฐกิจตกต่ำจากโควิด มีการเอื้อกลุ่มทุน สร้างความเหลื่อมล้ำ

“รัฐธรรมนูญ 60 ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แม้บอกว่าผ่านประชามติ 16 ล้านเสียง เพราะมีปัญหาจากกระบวนการประชามติ เช่น ความปลอดภัยในการไม่รับร่าง มีการจับกุม ดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม มีการใช้คำถามพ่วง มีความซับซ้อน ชักจูงโน้มน้าวให้คล้อยตาม

“เนื้อหาในรัฐธรรมนูญ 60 มีความวิปริตทางประชาธิปไตยของไทย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้ประชาชนออกมาเรียกร้องอนาคตของตัวเองที่มีแสงสว่าง แต่รัฐบาลหาได้รับฟังไม่

ประชาชนออกมา เพื่อแสดงพลังทางการเมือง แต่กลับถูกลดทอนคุณค่าการเรียกร้อง โดยกล่าวหาว่าชังชาติ ผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวคือคนรักชาติ และชาติในที่นี้คือประชาชน นิสิตจุฬาฯ ตัวแทนคณะประชาชนปลดแอกกล่าว