จีนประณามยับ! รัฐบาลสหรัฐสั่งแบนวีแชต บีบ “ติ๊กต็อก” บรรลุดีลขายกิจการ

วันที่ 19 ก.ย. เอเอฟพี รายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริกาออกคำสั่งระงับการให้บริการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน ได้แก่ ติ๊กต็อก แอพพลิเคชั่นแชร์คลิปวิดีโอยอดนิยมของบริษัทไบต์แดนซ์ และ วีแชต แอพพลิเคชั่นส่งข้อความของบริษัทเทนเซนต์ แก่ลูกค้าภายในประเทศ

โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น และส่งผลให้ลูกค้าใหม่ไม่สามารถโหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้ ซึ่งในส่วนของวีแชตจะเป็นการระงับการให้บริการกับลูกค้าที่มีแอพพลิเคชั่นอยู่แล้วด้วย

ขณะที่ติ๊กต็อกนั้น ลูกค้าที่มีแอพพลิเคชั่นจะยังใช้งานได้จนถึงวันที่ 12 พ.ย. กำหนดเส้นตาย 90 วันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ยื่นคำขาดว่าไบต์แดนซ์จะต้องแยกธุรกิจหรือขายกิจการในสหรัฐให้บริษัทภายในประเทศ

ซึ่งก่อนหน้านี้แหล่งข่าววงในระบุว่า บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ผู้พัฒนาโปรแกรมฐานข้อมูล ตกลงซื้อกิจการติ๊กต็อกในสหรัฐแล้ว แต่ยังมีเงื่อนไขสำคัญด้านความมั่นคงที่บริษัทไบต์แดนซ์ต้องทำตามคำร้องของรัฐบาลนายทรัมป์จึงจะถือว่าบรรลุดีลซื้อกิจการและสามารถให้บริการติ๊กต็อกในสหรัฐต่อไปได้

นายวิลเบอร์ รอส รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ก.ย. ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนแสดงออกถึงวิธีการและแรงจูงใจในการใช้แอพพลิเคชั่นเหล่านี้คุกคามความมั่นคง นโยบายการต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐ ด้านนายแดเนียล อีฟส์ นักวิเคราะห์จากเวดบุชซีคิวริตีส์ กล่าวว่าความเคลื่อนไหวของทางการสหรัฐกำลังเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทไบต์แดนซ์เร่งบรรลุข้อตกลง ไม่ว่าจะขายกิจการทั้งหมด หรือการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับบริษัทในสหรัฐ

“สำหรับไบแดนซ์ หลังของพวกเขาชนกับกำแพงเพื่อยอมรับเงื่อนไขของข้อเสนอในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เรายังเชื่อว่าข้อตกลงสามารถบรรลุได้ และสามารถหลีกเลี่ยงการปิดตัวของกิจการลงได้ แม้จะต้องเผชิญกับช่วงเวลาวิกฤตในการหารือกับคู่ค้าทุกฝ่ายในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้านี้”

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลนายทรัมป์ และว่ากำลังรังแกจีน “หากสหรัฐยืนยันที่จะดำเนินการตามแนวทางของตัวเอง จีนจะดำเนินมาตรการเท่าที่จำเป็นในการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทจีน” แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของมาตรการตอบโต้

ส่วนติ๊กต็อกแถลงตำหนิคำสั่งดังกล่าว พร้อมระบุว่าจะเดินหน้าต่อสู้กับความพยายามกีดกันการและปราบปรามของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ในชั้นศาล ติ๊กต็อกขอต่อต้านที่จะตกเป็นเครื่องมือเพื่อความบันเทิง การแสดงออกแห่งตน และความสัมพันธ์

ด้านผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์แสดงความเห็นว่าในขณะที่ภัยคุกคามความมั่นคงจากแอพพลิเคชั่นสัญชาติจีนยังไม่ชัดเจน หลายฝ่ายเริ่มกังวลต่ออำนาจของรัฐบาลในการควบคุมการแสดงออกอย่างมีเสรีภาพ

นายจามีล จัฟเฟอร์ ผู้อำนวยการสถาบันไนต์เฟิร์สต์อเมนด์เมนต์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย กล่าวว่า “นี่เป็นความผิดพลาดที่จะคิดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการคว่ำบาตรติ๊กต็อกและวีแชต นี่เป็นการจำกัดสิทธิอย่างยิ่งยวดในรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 1 ของพลเมืองและบุคคลที่อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกา”

ส่วน นายแดเนียล คาสโตร จากมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม ระบุว่ารัฐบาลนายทรัมป์ไม่เคยเปิดเผยหลักฐานว่าการแบนวีแชตและติ๊กต็อกจำเป็นต้องทำเพราะคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และแทนที่จะชี้แจง การประกาศคำสั่งส่งผลให้ลูกค้าผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกตัดขาดจากการอัพเดตแอพพลิเคชั่น รวมถึงการอัดเดตระบบความปลอดภัยที่จำเป็น