‘จ่านิว’ ส่งพลังหยุด ‘ความวิบัติ’ ลั่น มีแต่คนตาบอด-ตาถั่ว ยังเห็นรัฐบาลนี้ดีอยู่

‘จ่านิว’ ส่งพลังหยุด ‘ความวิบัติ’ ลั่น มีแต่คนตาบอด-ตาถั่ว ยังเห็นรัฐบาลนี้ดีอยู่

เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ  “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” และเครือข่าย จัดกิจกรรม “19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร” โดยมีกิจกรรม เปิดเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาล สลับการแสดงดนตรี และการแสดงละครล้อเลียน

เวลา 20.51 น. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง ขึ้นปราศรัย โดยกล่าวว่า ภาพที่คนบอกว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็น วันนี้สนามหลวงได้เป็นของราษฎรอย่างแท้จริงเสียที

ม็อบไทยภัยดี ถ้าคิดว่าสิ่งที่คุณคิดถูก ขอท้า มาให้เต็มสนามหลวงแบบพวกเราได้หรือไม่ คนที่เชียร์คุณประยุทธ์ เชียร์ทั้งน้ำตา มีมิตรสหายมาปรามาสว่า ประชาธิปไตยอะไรบุกประตู แล้วประชาธิปไตยแบบไหน บุกทำเนียบ บุกสนามบินมาแล้ว เราไม่ต้องไปล้อมสนามบินไล่คนออกมา ประตูก็เปิดออกมา เพราะท้ายที่สุด จิตวิญญาณธรรม คือ ประชาธิปไตยและความยุติธรรม

“ในฐานะศิษย์เก่า ม.ธรรมศาสตร์ เจ็บปวด แต่คนทุกคนคือ คนธรรมศาสตร์ เพราะเรารักประชา และความเป็นธรรม จึงเปิดประตู มธ. และสนามหลวงให้กับเราทุกคน เป็นภาพที่นึกว่างานกาชาด งานฉลองรัฐธรรมนูญ ครื้นเครง เราได้เห็นพลัง เจ็บปวดมานานภายใต้เผด็จการทหาร มิหนำซ้ำยังหน้าด้านสืบทอดอำนาจเศรษฐกิจจะตกต่ำ ทานโทษ ผมไปเดินดู ขายดีเทน้ำเทท่า ม็อบพวกเราคือตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่รัฐบาลเฮงซวย”

นายสิรวิชญ์กล่าวต่อว่า เนื่องในโอกาสการครบรอบรัฐประหาร 14 ปี วันนั้นผมเพิ่งอายุ 14-15 ปี ไม่ใช่โอกาสเฉลิมฉลอง ฉลองวันชัยชนะ 19 กันยา ไม่ใช่วันมงคล แต่ 19 กันยา 63 จะเปลี่ยนไป เรารวมตัวเพื่อกำจัดความเฮงซวย ความวิบัติ ที่ชนชั้นนำทำมากับพวกเรา เราจะมาลบล้างวันนี้ ถ้าลบล้างได้ 19 กันยาจะเปลี่ยนความหมาย เป็นวันลบล้างผลพวงรัฐประหารที่มีมา ยิ่งสกัดกั้นยิ่งออกมา

“วันนี้เขาประเมินม็อบเรามา 80,000-100,000 คน ดูแคลนเรามาตลอด ช่วยเห็นใจประชาชนและเคารพอย่างจริงจังบ้าง ไม่ใช่บอก ประชาชนมาเยอะ ก็ไปเพิ่มงบ ยำเกรงกันบ้าง เราบอกอยู่ว่าไม่ต้องการให้เพิ่มงบความมั่นคง

ในฐานะที่ต่อต้านรัฐประหาร ปี 57 ก็เริ่มจากคนน้อยๆ หลายคนมีจิตใจจะต่อสู้ แต่ก็ใช้ความรุนแรงเชิงโครงสร้างและสร้างความกลัวกับเรา วันนี้คือความเหลืออดของทุกฝ่าย ความยากลำบากของประชาชนที่มาจากรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ที่ยังสืบทอดความยากลำบากของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้นเลย มองไปทางไหน เกษตรกรช้ำทรวง พืชผลตกต่ำ บอกว่าอันนี้แพงก็ไปปลูกอีกอย่าง วิธีแก้ปัญหาแบบนี้ เด็กอนุบาลยังพูดได้ดีกว่านี้อีก

ทุกวันนี้ คนจนในเมืองก็ลำบาก รัฐบาลมีนโยบายเอาอกเอาใจจีน นำเข้าขยะ ไทยมีไม่พอหรือโดยเฉพาะ ครม.

คือความยากลำบากที่มอบให้มวลชนอย่างถ้วนหน้า ตัดงบ ตัดสวัสดิการประชาชนทุกอย่าง ให้พ้นช่วงโควิดนี้ไปก่อน การเมืองค่อยว่ากัน ถามว่า ช่วงโควิดที่ผ่านมา ดูแลประชาชนดีขนาดไหน ไม่เคยเห็นอกเห็นใจประชาชน เห็นใจกันเองกับโควต้า ครม.จะให้ประชาชนอดทนได้อย่างไร

ขนาด รมว.คลังคนล่าสุดยังทนได้ 27 วัน แล้วจะให้ทนไปเป็นสิบปีหรือ ใครจะทนได้ ต้องช่วยกันออกมา ที่ให้หยุดในรุ่นเรา คือหยุดความชิบหาย ถ้าไม่ยอมให้จบ คือจะกดขี่ประชาขนต่อไปอย่างนี้ใช่หรือไม่

นายสิรวิชญ์กล่าวต่อว่า ผมถูกคุกคามทุกรูปแบบ จับ ดำเนินคดีคตัวผม และแม้แต่แม่ ยังจับใครไม่ได้ จะเห็นว่าคุณเป็นรัฐบาลที่ดีได้อย่างไร นอกจากเป็นนรัฐบาลเฮงซวยเท่านั้น

ในความยากลำบากของประชาชน ถูกลิดรอนสิทธิมา 5-6 ปีแล้ว ต่อให้มีการเลือกตั้ง การหยุดคุกคามทำไม่ได้ เพราะทำจนเป็นสันดานแล้ว ดังนั้น เราต้องหาทางไล่รัฐบาลเฮงซวยนี้ออกไปอย่างเดียวเท่านั้น ให้อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว

คือพลังมวลชนอีกครั้งในประวัติศาสตร์การเมือง ภาพที่ฝันเห็นตลอด 6 ปี นับแต่ 57 วันนี้เราได้ชนะทางความคิด คนก้าวข้ามความกลัวที่รัฐปั่นหัวเรามาตลอด หมดความเชื่อมั่นชนชั้นนำไทย มีแต่ความเชื่อมั่นในพลังของประชาชนเท่านั้น ที่จะไม่ยอมก้มหน้าก้มตาดูผู้นำประเทศ และชนชั้นนำไทย พาประเทศถอยลงคลอง มีแต่คนตาบอดและตาถั่วที่ยังเห็นรัฐบาลนี้ดีอยู่

“ในขณะที่มีความยากลำบากทางเศรษฐกิจ งบประมาณบางงบปรับขึ้นอยู่ทุกวัน ขณะที่ประชาชนต้องการมาตรการให้ความช่วยเหลือ แล้วอย่างนี้จะให้ประชาชนคิดอย่างไรกับชนชั้นนำไทย ไม่อยากพูดมากเพราะไม่รู้จะถูกตีหัวอีกไหม

เรือดำน้ำคิดได้ไงที่จะซื้อตอนนี้ งบที่ต้องการให้ขึ้นคืองบเกี่ยวกับสวัสดิการของประชาชน อย่าเห็นภาษีของประชาชนเป็นแค่ของเกลี่ยผลประโยชน์ ทุกวันนี้งบไปลงเฉพาะจังหวัดที่มี ส.ส.พปชร.เป็นหลัก เราต้องเรียกร้องให้มีทุกจังหวัด เลิกเกลี่ยผลประโยชน์ให้พวกตัวเอง แล้วไสหัวออกไป”

“ถ้าจะบอกว่าชังชาติ แล้วใครทำให้ชาติดูน่าชัง ก็มีแต่พวกคุณ ขอส่งพลังหยุดความวิบัติ จุดเริ่มต้นแรกสำหรับชนชั้นนำไทย คือให้รัฐบาลประยุทธ์ ออกไปอย่างเร็วที่สุด เลิกคุกคามประชาชนเสียที ให้หยุด ไม่ใช่ให้ยกระดับ แล้วแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นรัฐธรรมนูญแห่ง ศตวรรษที่ 21” นายสิรวิชญ์กล่าว