เผยแพร่ |
---|
‘โบว์’ คนอยากเลือกตั้ง จี้ ‘สื่อ’ ยกระดับมาตรฐาน ถาม ส.ว.จะเป็นมือแห่งการเปิดทาง หรือสกัดกั้น
เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ห้องสตูดิโอ ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน กรุงเทพฯ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับ คณะกรรมการณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.), มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแยัง จุฬาฯ และ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร จัดเสวนาในหัวข้อ “ถอดบทเรียนประสบการณ์การชุมนุมทางการเมืองและข้อเสนอต่อสังคม” โดยมีอดีตแกนนำขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองในอดีต ร่วมวง
น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา อดีตแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวถึงการชุมนุมของคนอยากเลือกตั้ง ว่า คือ บริบทของการมีรัฐบาลทหารเบ็ดเสร็จ และ คสช. มีการห้ามชุมนุมเกิน 5 คน มีการออกกฎหมายนอกจาก คำสั่ง คสช.หลายฉบับ ยังมี พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะที่ทำให้การชุในุมยากลำบาก การตั้งข้อหาเป็นไปอย่างง่ายดายขึ้น ทำให้การชุมนุมไม่สามารถเกิดเป็นสเกลใหญ่ เพราะผู้ชุมนุมรู้ว่าการมาชุมนุมจะถูกดำเนินคดีทันที ดังนั้น ในแง่ความรุนแรง จะไม่เห็นการถูกยิง หรือวางระเบิด แต่จะเห็นการออกมาครั้งแรกด้วยโทรโข่ง 1-2 ตัว ชุมนุมที่สกายวอล์ก 1-2 ชั่วโมง ตะโกนอยากเลือกตั้ง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้ชุมนุมที่เป็นคนธรรมดาถูกดำเนินคดี กินแซนด์วิช อ่านหนังสือประท้วง ก็ถูกข้อหา ประมาณ 221 คน จึงมีการคุกคามโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ตั้งข้อหาปิดปาก เพื่อให้คนไม่กล้ามีส่วนร่วมและเป็นมรดกมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น พ.ร.บ.ชุมนุมต้องถูกแก้ไขโดยด่วน เพื่อไม่ให้รัฐใช้เป็นเครื่องมือ
น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า ด้านบทบาทของสื่อ การปิดสื่อเกิดขึ้นในสเกลมโหฬาร ปิดพีช ทีวี (peace tv) เป็นเดือนๆ วอยซ์ (voice) ถูกปิด 21 ครั้ง แต่ความพิเศษของการชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้งคือ มีข้อเรียกร้องเรียบง่าย คือการเลือกตั้ง จึงไม่มีการประทะจากอีกฝั่งมากนัก แต่ศัตรูชัดเจนคือรัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจมา 5 ปี แล้วไม่ยอมเลือกตั้งสักที
“ขอสนับสนุนเรื่องสื่อ เพราะเวลาที่ความเกลียดชังถูกปลุกปั่น ถูกฝังลึก จะเป็นความรุนแรงระดับบุคคล ซึ่ง ความรุนแรงของเยาวชนมีทั้งในโรงเรียน และในบ้าน ในครอบครัว พ่อแม่ที่ไม่เห็นด้วยเริ่มจะมีการลงโทษ ลดค่าขนม ขู่ว่าจะไม่จ่ายค่าเทอม ให้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟเอง ซึ่งไม่เป็นผลดี เกิดจากการปั่นของสื่อและแต่ละฝ่าย สายเหยี่ยวมีอยู่ในทุกกลุ่ม การจะปกป้องความรุนแรงครั้งนี้ คือ การรู้เท่าทัน ซึ่งทุกวันนี้คนพูดจาทิ่มแทงกัน และวันหนึ่งอาจรุนแรงทางร่างกาย
“องค์กรสื่อ พร้อมรับมือกับสถานการณ์ในสังคมหรือยัง ที่ความรุนแรงมาในรูปแบบใหม่ คือจะมีบทบาทอย่างไร จะป้องกันตัวเองอย่างไร และให้มีการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ นอกจากจะรักษามาตรฐาน ต้องยกระดับมาตรฐานการรายงานเพื่อนำพาสังคมไปสู่จุดที่ทุกคนพอใจ” น.ส.ณัฏฐากล่าว และว่า อย่าปฏิเสธกลไกรัฐสภา และบริบทรอบด้านที่จะเกิดขึ้น ณ วันแรกที่ชุมนุม และช่วงกลางอาจจะแตกต่างกัน ยุทธศาสตร์เรามีการปรับหรือไม่ หรือเราต้องโกรธแค้นจนวันสุดท้ายหรือไม่ ท่าทีรับฟังต้องเกิดจากผู้ชุมนุมด้วย เราเรียกร้องก็ต้องรับฟังเช่นกัน กลไกของสภาจึงสำคัญ
“อีกกลุ่มที่จะมีบทบาทอย่างยิ่งคือ ส.ว. ซึ่งความจริงที่มาของท่านไม่ชอบ ท่านมีส่วนทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เกิดขึ้นได้หรือไม่ อยู่ที่ ส.ว.ว่าจะเป็นมือแห่งการเปิดทาง หรือเป็นมือแห่งการสกัดกั้น” น.ส.ณัฏฐากล่าว