“พิชัย” หนุนม็อบใหญ่ 19 ก.ย. เย้ย “ประยุทธ์” ขนาดงานง่ายๆยังล้มเหลว

“พิชัย” ชี้ “ประยุทธ์” ยิ่งบริหารยิ่งล้มเหลว งานประจำง่ายๆ เช่น เบี้ยคนชรา งบประมาณ ยังทำผิดพลาด ติง มีแต่พวกพ้องที่ร่ำรวย แนะ ประชาชนออกมาไล่กันมากๆ

วันนี้ (16 ก.ย.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจของไทยเสื่อมถอยลงอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ของรัฐบาลในปัจจุบันและอนาคต แต่แทนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะบริหารเพื่อสร้างความมั่นใจ กลับทำลายความมั่นใจให้หมดไป

แม้กระทั่งงานประจำง่ายๆอย่าง การจ่ายเบี้ยคนชรา และ เบี้ยคนพิการ ยังไม่สามารถจ่ายให้ตรงเวลาได้ ทำให้ตอกย้ำกระแสของรัฐบาลถังแตก โดยรัฐบาลแก้ตัวว่าสาเหตุของการจ่ายเงินล่าช้าเพราะคนแก่และคนพิการเพิ่มเยอะ ทำให้จ่ายไม่ทัน ซึ่งเมื่อฟังแล้วไม่น่าจะใช่เหตุผลที่แท้จริง

เพราะพลเอกประยุทธ์ บริหารประเทศมากว่า 6 ปีแล้ว คนชรา และ คนพิการ ก็ต้องเพิ่มขึ้นทุกปี จะมาอ้างแบบนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ น่าจะมาจากการบริหารงานที่ด้อยประสิทธิภาพ และรายได้รัฐอาจจะขาดจริงทำให้จ่ายเงินไม่ทัน หรืออาจเพราะขาด รมว. คลังที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหาร จึงทำให้เงินคงคลังไม่พอจ่าย

ทั้งที่กระทรวงการคลังสามารถจัดหาเงินมาจ่ายก่อนได้อยู่แล้วแต่กลับไม่ทำ และพลเอกประยุทธ์เองก็น่าจะต้องได้สำนึกแล้วว่าทำไมถึงไม่มีคนที่มีชื่อเสียงยอมมาเป็น รมว. คลัง ให้กับรัฐบาลนี้ ทั้งๆที่ปกติแล้วตำแหน่งนี้มีแต่คนแย่งกันเป็น

อีกทั้ง งบประมาณปี 2564 จะเสร็จไม่ทันปีงบประมาณ และต้องใช้งบปี 2563 ไปก่อน ซึ่งจะไม่สามารถใช้งบเพื่อการลงทุนได้ ใช้ได้แต่เฉพาะงบประจำ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยที่ต้องการการอัดฉีดเงินลงทุนอย่างเร่งด่วนเพื่อฟื้นเศรษฐกิจต้องล่าช้าไปอีก และจะทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ลงกว่าเดิม ยิ่งตอกย้ำความไม่มีประสิทธิภาพให้ชัดเจนขึ้น

ทั้งที่รัฐบาลน่าจะเรียนรู้จากประสบการณ์ตั้งแต่ปีที่แล้วที่งบประมาณล่าช้าเพราะติดการเลือกตั้งและการตั้งรัฐบาลที่ต้องใช้ตัวช่วยมาก ทำให้เสียเวลามาก ปีนี้รัฐบาลมีเวลาเตรียมงานมานานซึ่งไม่น่าจะพลาดอีก แต่ก็พลาดจนได้

หรืออาจจะเป็นเพราะต้องการบีบให้สภาเร่งอนุมัติงบประมาณเพื่อให้มองข้ามค่าใช้จ่ายบางประเภทที่ไม่อยากให้สภาตรวจสอบละเอียด เช่นในปีที่แล้วมีการค่าทนายในคดีปิดเหมืองทองคำจำนวน 218 ล้านบาท ที่เพิ่งตรวจเจอในปีนี้ เพราะต้องจ่ายเพิ่มอีก 111 ล้านบาท เป็นต้น

นอกจากนี้ การช่วยเหลือและสนับสนุน ธุรกิจ SMEs และ เงินกู้เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ การดำเนินการเป็นไปอย่างล่าช้า แถมยังมีการเบิกจ่ายไม่ตรงจุด ทำให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก และทำให้คนว่างงานเพิ่มขึ้นสูง

แต่รัฐบาลกลับแก้ตัวว่าที่นายกสมาคมโรงแรมอ้างว่ามีคนว่างงาน 1 ล้านคนเป็นตัวเลขเก่าจากเดือนเมษายน ตอนนี้น่าจะลดลง ซึ่งสวนกับความเป็นจริงอย่างมาก เพราะสภาวะปัจจุบันยิ่งย่ำแย่กว่าเดือนเมษายนมาก และน่าจะมีคนตกงานเพิ่มขึ้นอีกเป็นล้านๆคน ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

เพราะนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ยังเข้ามาไม่ได้ แล้วธุรกิจท่องเที่ยวจะฟื้นได้อย่างไร รัฐบาลต้องเลิกแก้ตัวมั่วๆได้แล้ว แม้แต่เรื่องที่พลเอกประยุทธ์ยอมรับเองว่าเป็นคนพูดมาก (แบบไม่มีสาระ) ยังแก้ตัวว่ามาจากสมัยเด็กครูไม่ให้ถาม