แกนนำ 4 มหา’ลัย จัดแฟลชม็อบกลางลานคนเมือง สับ “ประยุทธ์” เก่งแต่จับคนเห็นต่าง ตอนนี้เด็กไม่กลัวแล้ว

วันที่ 23 สิงหาคม 2563 เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แกนนำจากนักศึกษาจาก 4 สถาบัน ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปกร, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกันจัดกิจกรรม “เพราะทุกคนคือแกนนำ” หนึ่งคนล้มร้อยคนจะยืน

หลังจากที่แกนนำกลุ่มนักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมชุมนุม ต่างถูกออกหมายจับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยกรุงเทพมหานครได้ตั้งแผงเหล็กมากั้นพื้นที่รอบลานคนเมือง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจกว่า 50 นาย ช่วยกันนำแผงเหล็กมากันบริเวณลานคนเมืองทุกด้าน จากนั้นยืนประจำทุกจุด ๆ ละ 5 คน นอกจากนี้ยังใช้รถตู้ราชการนับ 100 คันมาปิดพื้นที่โดยรอบ

ต่อมากลุ่มนักศึกษาได้เจรจาขอใช้พื้นที่กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะยินยอมให้ใช้พื้นที่บริเวณด้านหน้าลานคนเมืองเท่านั้น

เวลา 15.10 น. นิสิตนักศึกษาร่วมกันติดตั้งฉากสีดำบนลานคนเมือง เพื่อนำงานศิลปะมีเนื้อหาต่อต้านการคุกคามประชาชนและนักเรียนที่เรียกร้องประชาธิปไตยมาจัดแสดง

15.40 น. ตัวแทนนักศึกษากลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีกล่าวถึง 3 ข้อหลักที่พวกตนต้องการเน้นย้ำ ได้แก่ ยืนยันหลักสิทธิมนุษชน เสรีภาพในการพูดที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และยืนยันข้อเรียกร้อง 3 ข้อได้แก่ 1. หยุดคุกคามประชาชน 2. ยุบสภา 3. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมถึงการไม่เอารัฐประหาร ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ และ ขอเป็นศูนย์กลางในการตระหนักรู้ด้านกฎหมายในอนาคต

15.50 น. นายกรกช แสงเย็นพันธ์ ตัวแทนกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย 1 ในผู้มีรายชื่อในการถูกออกหมายจับ 31 ราย ขึ้นปราศรัยท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

นายกรกช กล่าวว่า รัฐบาลคุกคามประชาชนตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 ไม่ใช่เพิ่งคุกคาม หลังรัฐประหารยึดอำนาจ มีการจับประชาชนเข้าค่ายทหาร มีคนต้องขึ้นศาลทหาร ต่อมายังมีการสืบทอดอำนาจ มีนักศึกษาถูกจับกุม เพียงเพราะค้านรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. เมื่อมีการเลือกตั้งก็ไม่ค่อยโปร่งใส สะท้อนว่าต่อให้ผ่านการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังไม่เลิกนิสัยเดิม

“รัฐบาลใช้กฎหมายพร่ำเพรื่อ จัดการกับคนเห็นต่าง มีการดำเนินคดีมากมาย แต่คนไม่กลัวแล้ว และขอให้หยุดคุกคามประชาชน หรือจะรอให้ประชาชนเอาคุณลงจากอำนาจ เวลาคุณหมดแล้ว จะทำอะไรก็ทำ ก่อนประชาชนทนไม่ไหว”

เตือนเผด็จการ ‘อาร์เจนติน่า’ ยังถูกโค่น ประเทศแถวนี้อย่าคิดว่าหนีรอดไปได้

น.ส.พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ นักสิทธิมนุษยชนและเจ้าหน้าที่องค์กร ARTICLE 19 กล่าวว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมีอุปสรรคหรือไม่ ก็ย่อมมี เพราะเป็นการสู้กับอำนาจที่ไม่อยากเห็นอำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เกิดการคุกคามประชาชน แต่ถามว่าสู้หรือไม่ ตอบว่าสู้ จากนั้น น.ส.พิมพ์สิริเล่าประวัติศาสตร์การเมืองประเทศอาร์เจนตินา ยุคสงครามเย็น เมื่อปี 2519 ที่ประชาชนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจากเผด็จการที่โหดร้าย คนถูกอุ้ม 3 หมื่นคนใน 7 ปี

“กลุ่มแรกที่ออกมาคือกลุ่มแม่ของคนถูกอุ้ม 14 คน นัดกันที่ลานหน้าทำเนียบประธานาธิบดีทุกวันพฤหัสบดี ถือรูปลูกสาวลูกชายที่ถูกอุ้มหาย โดยไม่มีคำตอบ คล้ายประเทศแถวนี้ เอาผ้าขาวผูกผมเป็นสัญลักษณ์ของผ้าอ้อม จากนั้นกลายเป็นแม่ 834 คน กระทั่งเป็นการปฏิวัติขนาดใหญ่ รัฐบาลเผด็จการต้องลงจากอำนาจ คนเกี่ยวข้องถูกลงโทษ” น.ส.พิมพ์สิริกล่าว ก่อนปิดท้ายว่า คนทำอย่าคิดว่าจะหนีพ้น

จากนั้น เวลา 18.00 น. ร่วมกันร้องเพลงชาติ โดยชู 3 นิ้ว แล้วตะโกนพร้อมกันว่า ‘เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ’

ทั้งนี้ งานดังกล่าวมีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ส่วนประชาขนทั่วไปส่วนใหญ่แต่งกายด้วยชุดสีดำ โดยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ แจกโบขาวให้ฟรี เพื่อติดเป็นสัญลักษณ์

ต่อมา เวลา 18.10 น. วงสามัญชนร้องเพลง ‘บทเพลงของสามัญชน’ โดยประชาชนต่างร่วมชูสามนิ้ว พร้อมโยกตามจังหวะเพลง