‘ธนาธร’ ออกโรงฐานะพ่อ ปลุกครู-พ่อแม่ ปกป้องลูกหลาน ใช้สิทธิเสรีภาพตามประชาธิปไตย

‘ธนาธร’ ออกโรงในฐานะพ่อ วอนครู-ผู้ปกครอง ปกป้องให้กำลังใจลูกหลาน ใช้สิทธิเสรีภาพในฐานะพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตย

เมื่อเวลา 20.15 น. วานนี้ (18 สิงหาคม 2563) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ได้ออกมาไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กคณะก้าวหน้า ระบุว่า “ในฐานะพ่อคนหนึ่ง ขอให้ครู ผู้บริหารโรงเรียน และพ่อแม่ทั่วประเทศ ผนึกกำลังกัน อย่าให้ใครมารังแกลูกหลานของเรา ร่วมกันปกป้องเยาวชน นักเรียนนักศึกษา ให้เขาได้แสดงพลังกำหนดอนาคตของชาติ” #ผูกโบว์ขาวต้านเผด็จการ

โดยนายธนาธร กล่าวว่า ตนออกมาพูดครั้งนี้เพราะเป็นห่วงสถานการณ์การคุกคามนักเรียนที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ จึงอยากจะสื่อสารไปยังผู้ปกครองและคุณครูทุกคนว่า การที่นักเรียนผูกริบบิ้นสีขาวเพื่อแสดงการต่อต้านเผด็จการ หลายคนชูสามนิ้วเพื่อแสดงออกการสนับสนุนข้อเรียกร้องคณะประชาชนปลดแอก สิ่งที่พวกเขาทำเป็นสิ่งที่กล้าหาญ และขอคารวะความกล้าหาญของนักเรียนที่ลุกขึ้นมาแสดงกิจกรรมทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะเรียนว่า สิ่งที่พวกเขาทำคือการแสดงออกทางการเมืองที่สันติ สร้างสรรค์ ไม่ผิดกฎหมายและไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับสังคม แต่การแสดงออกนี้กลับถูกคุกคาม ซึ่งเป็นการคุกคามจากครูของพวกเขาเองในหลายรูปแบบ

ตั้งแต่การแคปหน้าจอการสนทนาทางโทรศัพท์ส่งให้ตำรวจ เพื่อแจ้งความจับลูกศิษย์ตัวเอง การเรียกเข้าห้องปกครองเพื่อตักเตือนไม่ให้ทำอีก มีการใช้น้ำเสียงและท่าทีที่ก้าวร้าวและข่มขู่ให้เด็กกลัว ถึงขั้นการทำร้ายร่างกาย ประจานสู่ที่สาธารณะเพื่อให้รู้สึกอับอาย ไปจนถึงการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอดแนมการแสดงออกของเด็กในโรงเรียน สิ่งเหล่านี้ผิดทั้งจรรยาบรรณของการเป็นครู ผิดทั้งกฎหมาย

https://www.facebook.com/ThailandProgressiveMovement/videos/1586973428130296

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ตนทราบดีว่าในสถานการณ์ตอนนี้พ่อแม่หลายคนรู้สึกลำบากใจ จึงอยากใช้โอกาสนี้สื่อสารกับทุกคนว่าในฐานะพ่อแม่ควรจะทำอย่างไรดี เราทุกคนรักลูก อยากเห็นลูกเติบโตขึ้นมีอนาคตที่สดใส เป็นกำลังหลักให้กับสังคมและครอบครัว วันที่ลูกของเรายังเล็กเราปกป้องพวกเขา วันนี้พวกเขาเติบโตขึ้นและกำลังต้องการการปกป้องจากพวกเรา พวกเขาเลือกที่จะแสดงออกทางการเมือง กำลังไขว่คว้าหาสังคมที่พวกเขาอยากเห็น พวกเขากำลังสร้างสังคม อนาคตในแบบที่เขาอยากให้เป็น

“หน้าที่ของเราคือการมองพวกเขาอย่างเข้าใจ ปล่อยให้พวกเขาได้เลือกทางและเติบโตจากเส้นทางที่พวกเขาเลือกด้วยตัวเอง ให้เขาทำหน้าที่พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ในขณะที่เมื่อพวกเขาถูกขุ่มขู่คุกคามก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องปกป้องให้เขาเติบโตและเรียนรู้ชีวิตของพวกเขาเอง”

“ขณะเดียวกันผมอยากส่งข้อความถึงคุณครูด้วย ผมเชื่อว่ามีคุณครูอีกหลายคนทั่วประเทศที่อยากปกป้องลูกศิษย์ตัวเอง ซึ่งหลายคนได้ทำไปแล้วด้วย ในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ก็ยังมีคุณครูอีกกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกว่าการแสดงออกของนักเรียนนักศึกษามันท้าทายระบบคิดและความเชื่อของตัวเอง”

นายธนาธร กล่าวอีกว่า ตนอยากจะเรียนคุณครูทุกท่านว่า ถ้าเราอยากเห็นวัฒนธรรมในโรงเรียนของเราในแบบที่เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ เราจะเลือกวัฒนธรรมแบบไหน แบบหนึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ตั้งอยู่บนความเป็นเจ้ายศเจ้าอย่าง บนพิธีกรรม กฎระเบียบและการลงโทษ ขณะที่วัฒนธรรมอีกแบบหนึ่งตั้งอยู่บนความเป็นมิตร ความเชื่อใจ การยอมรับซึ่งสิทธิและเสรีภาพ

“ผมคิดว่าวัฒนธรรมในโรงเรียนแบบหลังจะทำให้เด็กกล้าคิดกล้าแสดงออกมากขึ้น เพราะเมื่อพวกเขากล้าคิดกล้าแสดงออกแล้วไม่ถูกประจานทำให้อับอาย ไม่ถูกทำโทษ เขาก็จะกล้าคิดกล้าแสดงออกได้บ่อยขึ้น จะมีความมั่นใจในตัวเอง และความมั่นใจนี้จะนำไปสู่การตระหนักถึงศักยภาพที่ตัวเองมี เมื่อเราตระหนักถึงศักยภาพและมีความมั่นใจในตัวเองก็จะประสบความสำเร็จในชีวิต ผมเชื่อว่าวัฒนธรรมแบบหลังจะทำให้ลูกหลานและลูกศิษย์ของเราไปได้ไกลกว่า”

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ฝากเรียนคุณครูทั่วประเทศ ตนเชื่อว่าเราสร้างวัฒนธรรมที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ การพัฒนาตัวเอง การกล้าแสดงออกของนักเรียนได้โดยเริ่มต้นที่คุณครู อย่าพยายามไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของเขา เขากำลังไขว่คว้าและสร้างอนาคตในแบบฉบับที่พวกเขาอยากเห็น หน้าที่ของพวกเราคือให้กำลังใจ ปล่อยให้พวกเขาเรียนรู้การใช้สิทธิเสรีภาพในฐานะพลเมืองอย่างที่ควรจะเป็น

“ผมเองมีลูกและหลาน ลูกผมอายุ 10 ขวบ ก่อนวันที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ลูกผมเขียนหนังสือหายูเอ็น บอกให้ยูเอ็นมาช่วยคุณพ่อหน่อย ส่วนหลานผมอายุ 16 ปี เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วได้เขียนหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 คนทำโดยที่ผมไม่ได้มีส่วนรับรู้และสั่งการ ผมมารู้ทีหลัง แล้วผมก็รู้สึกภูมิใจมาก ผมเชื่อว่ามีพ่อแม่อีกหลายคนที่รู้สึกภูมิใจกับลูกอย่างที่ผมรู้สึก และอีกหลายคนที่ไม่สบายใจกับสิ่งที่ลูกของเราแสดงออก อยากให้ท่านเปิดใจให้กว้างๆ สนับสนุนพวกเขา ปกป้องพวกเขา ให้พวกเขาเรียนรู้เส้นทางของเขาเอง” นายธนาธร กล่าว