จตุพรแนะม็อบหนุ่มสาว ปิดประตู รปห. ยึด 3 ข้อเดิมต่อสู้ ชี้ ทรงพลังที่สุด! ชอบธรรม ไม่สุ่มเสี่ยง

‘จตุพร’ บอกม็อบหนุ่มสาว ถ้ายึดข้อเรียกร้อง 3 ข้อ จะทรงพลังที่สุด สอนสูตรการต่อสู้ทางการเมืองอยู่ที่ความชอบธรรม การกำหนดย่างก้าวต้องไม่สุ่มเสี่ยงเช่นนี้

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ PEACETALK โดยกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองก่อนจะถึงวันนัดชุมนุมใหญ่ของสองฝ่ายวันที่ 16 สิงหาคมนี้ ตอนหนึ่งว่า ตนย้ำถึงความปรารถนาดี และห่วงใยของการชุมนุมของคนหนุ่มสาว และสิ่งสำคัญภูมิต้านทางการต่อสู้เป็นสิ่งจำเป็นสูงสุด ถ้ายืนหยัด 3 ข้อ จะทรงพลังที่สุด แต่เมื่อทะลุเพดานไปเท่ากับเป็นการเปิดประตูให้เกิดรัฐประหารขึ้น อีกทั้งภาพการชุมนุมสองฝ่ายที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันเดียวกันแล้ว หากใครมองไม่มีความแตกต่างจากการชุมนุมเมื่อปี 2519 แล้ว และถ้ามองปรากฏการณ์ในวันอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรแปลกแล้ว เท่ากับคนนั้นไม่ได้อยู่ในสมรภูมินี้ หวังว่าคนหนุ่มสาวจะเรียกร้องยึด 3 ข้อเป็นหลัก เพราะความเปราะบางวันที่ 16 สิงหาคมนี้ และหลังจากนั้นย่อมมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รวมทั้งตนต้องการบรรทัดฐานเช่นกันว่า เมื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ต้องเป็นนักประชาธิปไตยด้วย เมื่อประชาธิปไตยเป็นความแตกต่างทางความเห็น คนหนุ่มสาวต้องยอมรับความแตกต่างได้ด้วย อีกอย่าง ในการต่อสู้การรับผิดชอบต่อขบวนการเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การต่อสู้ทางการเมืองอยู่ที่ความชอบธรรมที่สุด การกำหนดย่างก้าวต้องไม่ออกแบบลักษณะสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ หากคนออกแบบจังหวะก้าวไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว ถือเป็นความอำมหิตที่สุด

“เรียนถึงรัฐบาล ในสถานการณ์นี้ ไม่ว่าม็อบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขาคือคนไทยเหมือนเราทุกคน การปฏิบัติต้องใช้หลักความเป็นคนไทยแก้ไขปัญหา ระมัดระวังไม่ให้เกิดน้ำผึ้งหยดเดียว อีกทั้งมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลต้องใช้หลักรัฐศาสตร์นำหลักนิติศาสตร์ ต้องเจรจา พูดคุย ร่วมหาทางออก เพราะเหตุการณ์นำไปสู่ได้หลายสถานการณ์มาก” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวว่า ถ้าเวทีชุมนุมของขบวนการคนหนุ่มสาววันนี้ประกาศจุดยืนหลักชัดเจนว่า ยอมถอยเหลือ 3 ข้อเรียกร้องเท่านั้น จะทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงอย่างมาก เพราะหลายอย่างผิดปกติอย่างมาก ทุกฝ่ายเคลื่อนไหวมีลักษณะแปลกไม่แตกต่างกัน ดังนั้น ตนจึงเชื่อว่าช่วงคืนวันศุกร์และเสาร์ ทั้งฝ่ายเคลื่อนไหว ฝ่ายค้าน รัฐบาล ฝ่ายนักการเมืองคงต้องนอนดึกกันพอสมควร เพื่อติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิด อะไรไม่เคยคิด ต้องนำกลับมาคิดกัน