“เอ็มอาร์ซี” ร้องจีน-ชาติอาเซียนปันข้อมูลผลดำเนินการเขื่อน ชี้น้ำโขงไหลต่ำเป็นประวัติการณ์ 2 ปีซ้อน

คณะกรรมการแม่น้ำโขง หรือ “เอ็มอาร์ซี” เปิดเผยรายงานล่าสุดถึงสถานการณ์ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงวันนี้ ( 7 สิงหาคม 2563) พร้อมกับเรียกร้องให้จีนและชาติสมาชิกอาเซียนตามแนวแม่น้ำโขงแบ่งปันข้อมูลทั้งหมดของผลการดำเนินงานของเขื่อนตลอดลำน้ำโขง หลังการศึกษาพบการไหลของน้ำในแม่น้ำโขงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

โดยสำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานถึงรายงานการศึกษาของเอ็มอาร์ซีชี้ให้เห็นว่า ระดับการไหลของน้ำได้ลดลงมากจากปริมาณฝนที่ตกลงมาลดลงและการทำงานของเขื่อน 13 แห่งตลอดเส้นทางแม่น้ำโขง โดยที่ มีเขื่อนของ สปป.ลาว 2 แห่งและของจีนมากถึง 11 แห่ง โดยระดับการไหลของน้ำที่ต่ำลง ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขงในกัมพูชา สปป.ลาว ไทยและเวียตนาม ที่ทำให้สูญเสียศักยภาพในการประมงและการชลประทาน

อัน พิช ฮัทดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสำนักงานเลขาธิการเอ็มอาร์ซีกล่าวว่า เราขอเรียกร้องให้ 6 ประเทศตามลำน้ำโขงเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลของเขื่อนและโครงสร้างการจัดการน้ำด้วยการดำเนินการกับเอ็มอาร์ซีด้วยความโปร่งใสและรวดเร็ว

รายงานยังระบุอีกว่า สถานการณ์การไหลของน้ำตามฤดูกาลเข้าไปในโตนเล สาปของกัมพูชาล่าช้าเป็นปีที่ 2 ซึ่งส่งผลรบกวนอย่างมากต่อการประมงและคุกคามของการผลิตอาหารให้กับประชาชนกว่าล้านคน

ขณะที่ตามปกติ แม่น้ำโขงในช่วงหน้าฝนจะมีน้ำไหลเข้าแม่น้ำโตนเล สาปจนมากพอจนไหลย้อนไปเติมเข้าแอ่งโตนเล สาปในช่วงเดือนมิถุนายน แต่ชาน ยุทา โฆษกกระทรวงทรัพยากรน้ำของกัมพูชากล่าวว่า ปีนี้การไหลย้อนกลับเพิ่งเริ่มสัปดาห์นี้เอง

ทั้งนี้ เอ็มอาร์ซี กล่าวว่า ประเทศตลอดแนวแม่น้ำโขงควรดำเนินการตามแผนรับมือภัยแล้งและขอให้ผู้ประกอบการกักเก็บน้ำ ปล่อยน้ำมากขึ้น และยังเสนอแนะให้ชาติต่างๆร้องขอจีนในการเสริมน้ำหรือปล่อยน้ำจากเขื่อนและอ่างเก็บน้ำเพิ่ม หากปัจจุบันยังคงสภาพเช่นนี้อยู่