ผบ.ทอ.เห็นด้วย เปิดเวที รับฟังนศ. ชี้ คนคิดต่างกัน ต้องหาเวทีพูดคุย พาบ้านเมืองเดินหน้า

ผบ.ทอ. เห็นด้วย นายกฯ เปิดเวที รับฟัง นิสิต-นักศึกษา ชี้ ต้นทุนชีวิต ไม่เหมือนกัน ทำให้เห็นต่าง แต่ต้องเคารพซึ่งกันและกัน

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นคนรุ่นใหม่เป็นนิสิต นักศึกษาว่า ในส่วนของกองทัพอากาศเราทำมาโดยตลอดเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงต่อกันระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง โดยการสร้างความเข้าใจในบริบทของกำลังพลในแต่ละช่วงอายุ พร้อมทั้งเคารพในความคิดเห็นและให้โอกาสในการแสดงฝีมือเนื่องจากเราต้องพึ่งพาคนรุ่นใหม่ที่เป็นกำลังพลของกองทัพอากาศไปตลอดเพราะบริบทใหม่ๆที่เกิดขึ้นมาคนรุ่นเก่าอย่างเราตามไม่ทัน อย่าง เทคโนโลยีสมัยใหม่ เราก็จะปล่อยให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ เพราะเขาจะรับรู้และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะในโลกดิจิตัล

นอกจากนี้กองทัพอากาศยังปลูกฝังคนรุ่นใหม่ทั้งในเรื่องของความเป็นทหาร วัฒนธรรม และความเป็นคนไทยซึ่งถือว่าก็มีความสำคัญซึ่งขณะนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะให้ เขาริเริ่มในการใช้ปัญญาไทย เพราะต่อไปในอนาคตการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จะไม่ซื้อแบบสำเร็จ แต่จะซื้อแบบที่ต้องใส่ปัญญาไทยอย่างน้อย 50% ลงไป ซึ่งตนก็ได้ทำเป็นแบบอย่างมาแล้ว 1 ปีเต็มและก็จะทำไปจนกว่าจะเกษียณอายุราชการ

ส่วนการปลูกฝังเรื่องสถาบันนั้น ประเทศไทยอยู่ได้ด้วยสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ถือเป็นเอกลักษณ์และเป็นสัญลักษณ์เดียวในโลกที่ไม่เหมือนใคร และเราก็อยู่ดีมีสุขด้วยบริบทตรงนี้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอาจจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากในสังคมมีความหลากหลาย ต้นทุนของแต่ละคน ไม่เท่ากัน วิธีคิดจึงไม่เหมือนกัน จึงกลายเป็นความเห็นต่าง แต่เราต้องเคารพในความเห็นต่าง แต่โดยพื้นฐานแล้วก็ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ ซึ่งเชื่อว่าสิ่งตรงนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา และความขัดแย้ง แน่นอนเพียงแต่เราจะต้องหาเวทีคุยในบริบทเดียวกันที่จะต้องพาชาติบ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไร

หากเปรียบเทียบก็ให้ดูสงครามโลกระบาด covid-19 ในปัจจุบันที่ล้อมกรอบประเทศไทยเอาไว้ทั้งหมดแต่เราก็อยู่กันได้ด้วยความสงบแม้อาจจะมีความลำบากอยู่บ้าง ถือว่า โควิด เป็นกระจกส่องหน้าที่ดีที่สุดเราได้เห็นต้นทุนของประเทศไทยว่ามีเหลือเท่าไร ในยามที่เกิดสงคราม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าในหลายปีที่ผ่านมาเราไม่ได้สร้างต้นทุนตรงนี้ จึงเกิดความขาดแคลนหากเป็นสงครามรบ ขนาดใหญ่เราจะไม่มีอะไรเหลือเลย

พล.อ.อ.มานัตกล่าวถึง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ในฐานะที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ตนมีหน้าที่พิจารณาบางญัตติในสภาเท่านั้น ส่วนการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นเรื่องของฝ่ายรัฐบาลและการเมือง

เมื่อถามว่าฝ่ายการเมืองให้แก้ไขบางมาตราโดยเฉพาะไม่ให้สว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีพลอากาศเอกมนัสกล่าวว่า ผบ.ทอ.อยู่ในฐานะผู้ปฏิบัติไม่ได้มีหน้าที่ไปเลือกหรือกำหนดว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็น ถ้ากำหนดให้เราเป็น เราก็ต้องทำตามหน้าที่