“ชัยธวัช” จี้รัฐบาลต้องแก้รธน.ทันที แสดงความจริงใจแทนยื้อเวลา ประเดิม ม.256 เปิดทางตั้ง ส.ส.ร.

วันที่ 5 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และหนึ่งในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กล่าวถึง กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐนตรี แสดงความเห็นไม่คัดค้านเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ให้รอผลการศึกษาของ กมธ. ก่อน เพื่อเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญในสมัยประชุมหน้านั้น ในฐานะ กมธ. เห็นว่า การเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ต้องรอรายงานของ กมธ. เพราะใน กมธ. ประเด็นที่่เสียงส่วนใหญ่เห็นตรงกันคือ ควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในแทบทุกหมวด ดังนั้น ถึงที่สุดไม่อาจแก้ไขเป็นรายประเด็นได้ ต้องทำใหม่ทั้งระบบ ซึ่งวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดคือการร่างใหม่ทั้งฉบับผ่านกลไกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่ประชาชนมีส่วนร่วม ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรานั้นเป็นเพียงการแก้ไขเฉพาะหน้าระหว่างรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ด้วยเหตุนี้ หลังการประชุม กมธ. สัปดาห์ที่แล้ว กมธ. จึงได้แถลงต่อสื่อมวลชนโดยไม่รอให้รายงานเสร็จ เพราะจะไม่ทันการณ์กับสถานการณ์ทางการเมืองนอกสภา จึงเสนอแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญโดยเริ่มที่การแก้ ม. 256 เพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญรายมาตราได้ง่ายขึ้น พร้อมกับเพิ่มเติมหมวดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้สามารถแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราได้พร้อมกับการร่างใหม่ทั้งฉบับ

“ดังนั้น ถ้ารัฐบาลมีเจตนาที่จะแก้รัฐธรรมนูญจริง ไม่ใช่แค่ต้องการยื้อเวลา สามารถเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวได้ทันที เพราะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของ ส.ส. และรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนรายงานของ กมธ. นั้น เป็นแค่รายงานประกอบการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรายละเอียดประเด็นอื่นๆ ต่อไปเท่านั้น และพรรคก้าวไกลเห็นว่า ในสมัยประชุมนี้ยังเหลือเวลาอีกถึง 1 เดือนกว่า รัฐสภามีเวลาพอที่จะพิจารณาญัตติเรื่องนี้ได้ก่อนเลย ส.ส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน สามารถเข้าชื่อโดยใช้เสียง 1 ใน 5 ของสภาผู้แทนราษฎร เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้ทันสมัยประชุมนี้ โดยเริ่มต้นจากการแก้ ม.256 พร้อมกับการตั้ง ส.ส.ร. ไม่ควรจะต้องรอสมัยประชุมหน้าเพราะจะล่าช้าเกินไป” นายชัยธวัช กล่าว

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า นอกจากการเสนอแก้ ม. 256 และตั้ง ส.ส.ร. แล้ว ยังสามารถเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นสำคัญอื่นได้อีกด้วย จุดยืนของพรรคก้าวไกลเสนอว่า ควรจะมีการแก้ไขบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.อย่างเป็นทางการ และยกเลิกการรับรองประกาศคำสั่ง คสช. ให้ชอบรัฐธรรมนูญด้วย โดยการเสนอให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 269-272 และ 279 เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 นอกจากนี้ ในสถาณการณ์ปัจจุบันการเมืองมีความไม่แน่นอนสูง อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภาหรือนายกรัฐมนตรีลาออก ดังนั้น การปิดสวิตช์ ส.ว. จำเป็นต้องทำก่อน เพื่อที่หากเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองรูปแบบใดก็ตาม จะทำให้ ส.ว. ไม่มีอำนาจกลับมาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีอีกโดยยังไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จ เพราะถ้าไม่รีบแก้ประเด็นนี้อาจจะทำให้เกิดวิกฤตการณ์เมืองครั้งใหญ่

“สำหรับในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประเด็นที่เราเห็นร่วมกันแน่นอนแล้วคือ การเสนอแก้ ม. 256 และตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งสามารถเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้เลยในเร็วๆ นี้ ส่วนการเสนอให้ยกเลิกยกมาตรา 269-272 และ 279 นั้น พรรคก้าวไกลจำเป็นที่จะต้องขอเสียงจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อให้ได้ชื่อเกิน 1 ใน 5 ของสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้าไม่สามารถขอรายชื่อ ส.ส.จากพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ เราคงจำเป็นต้องไปร่วมมือกับประชาชนในการล่ารายชื่อให้ได้ 50,000 คน” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ในกรณีที่ ส.ว.หลายท่าน รวมถึงประธานวุฒิสภาแสดงความคิดเห็นคัดค้านการตั้ง ส.ส.ร.นั้น พรรคก้าวไกลขอย้ำอีกครั้งว่า ส.ว.ควรจะเคารพและฟังเสียงของประชาชน ให้ประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนตัดสินอนาคตของประเทศด้วยตัวเอง ส.ว.ไม่ควรจะเป็นผู้สร้างเงื่อนไขให้การเมืองเดินไปสู่ทางตัน และในกรณีที่ รองโฆษกรัฐบาลบอกว่า ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ฯ และกระทรวงต่างๆ เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษานั้น ดูแล้วจะกลายเป็นเวทีประชาสัมพันธ์และโฆษณาชวนเชื่อผลงานของรัฐบาลมากกว่า นี่เป็นกระบวนการที่ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะวันนี้ นักศึกษาและประชาชนที่ร่วมชุมนุมมีข้อเรียกร้องชัดเจนอยู่แล้ว เหลือแค่ว่าฝ่ายผู้มีอำนาจจะรับไปปฏิบัติอย่างไร