เด็ก ปชป.ยื่นขอสำนวนกับ อสส.คดี ‘บอส อยู่วิทยา’ หวังตรวจสอบข้อพิรุธใหม่

เด็ก ปชป.ยื่นขอสำนวนกับ อสส.คดี ‘บอส อยู่วิทยา’ หวังตรวจสอบข้อพิรุธใหม่ ด้าน ‘ราเมศ’ ชี้คำสั่งรองอัยการสูงสุดชัดแล้วว่าต้องตรวจสอบกระบวนการยุติธรรม

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม เพื่อขอคำสั่งพิจารณาไม่ฟ้องคดี พร้อมผลการรายงานการประชุมหรือความเห็นของคณะทำงานทุกชุด และเอกสารอื่นๆ ในสำนวนคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต โดยการขออาศัยพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารทางราชการ พ.ศ.2542

นายวิลาศกล่าวว่า วันนี้ยื่นขอเอกสารนั้นเพราะตนก็จะเป็นอีกหนึ่งคณะทำงานที่จะมาขอคำวินิจฉัยของทางสำนักงานอัยการสูงสุดว่าการสั่งคดีนั้นตนเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร ประกอบกับขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดก็มีคณะทำงาน และล่าสุดแถลงว่าจะมีการรื้อฟื้นคดี แม้ตอนแรกจะบอกว่าคดีสิ้นสุดไปแล้วก็ตาม แต่ด้วยมีพยานหลักฐานใหม่ในเรื่องสารโคเคนและความเร็วของรถ สำหรับตนนอกจากสองประเด็นนี้แล้วตนอยากจะขอรายละเอียดของสำนวน โดยจะนำไปดูว่ามีประเด็นอื่นนอกเหนือจากนี้หรือไม่ เพื่อจะนำไปเสนอสั่งพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งเรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากหลายประเด็นประชาชนเห็นว่ามันมีความไม่ตรงไปตรงมา ฉะนั้น นอกจากที่จะหาประเด็นใหม่มันยังจะต้องหาผู้กระทำความผิดที่อาจจะมีการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อดำเนินคดีคนเหล่านั้นด้วย

“การที่ตนเข้ามาตรวจสอบนั้นจะทำให้เราเห็นว่ามีสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข เช่น เทียบกรณีคำพิพากษาศาลสิ้นสุดก็จะมีการเปิดเผยหมด แต่อัยการที่ใช้อำนาจคล้ายศาลเรากลับไม่มีสิทธิเข้าไปตรวจสอบ ตนจึงเห็นว่าเมื่ออัยการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องควรเปิดเผยได้ อีกประการหนึ่งควรกำหนดกรอบระยะเวลาทำงาน โดยจะอ้างว่ามีการร้องขอความเป็นธรรมแบบนี้มันจะไม่มีที่สิ้นสุด จนสุดท้ายเราเองก็ไม่มั่นใจว่ามีการเอื้อประโยชน์กันหรือไม่ ตนขอบอกว่าสำนักงานอัยการสูงสุดคนส่วนใหญ่เป็นคนดี แต่ทุกสังคมมันมีทั้งคนดีและคนเลว ฉะนั้นเรามาร่วมกันขจัดคนเลวอย่าให้ใหญ่ขึ้น” นายวิลาศกล่าว

ด้านนายราเมศกล่าวว่า การขอข้อมูลในวันนี้ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ เราก็ขอในส่วนพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนแล้ว พยานเอกสาร พยานบุคคล ซึ่งเอกสารเหล่านี้เราจำเป็นต้องได้มาเพื่อจะนำมาตรวจดูว่ามีข้อพิรุธหรือมีการใช้อำนาจไม่ถูกต้องชอบธรรมอย่างไร เชื่อว่าอัยการก็มีสิทธิที่จะชี้แจง แต่ถ้าเกิดว่ามีข้อพิรุธบกพร่องหรือความผิดที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วจากการสั่งคดีของรองอัยการสูงสุดนั่นมันคือสิ่งที่ปรากฏชัดแล้วว่าเราจะต้องดำเนินการตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมเกิดความโปร่งใส ไม่เช่นนั้นในวันข้างหน้าถ้าเกิดพบข้อพิรุธมาอีก แล้วแบบนี้สังคมจะฝากความหวังไว้กับกระบวนการยุติธรรมในองค์กรได้อย่างไร แต่ขอยืนยันว่าการตรวจสอบองค์กรอัยการ และตำรวจนั้นไม่อยากให้เหมารวมว่าคนในองค์กรนั้นไม่ดีทั้งหมด เพราะเชื่อว่าในองค์กรมีคนดีปฏิบัติหน้าที่ที่ตรงไปตรงมาจำนวนมาก