‘บิ๊กตู่’ เปิดเวทีรับฟังความเห็นคนรุ่นใหม่เดือนนี้ ไฟเขียว ตร.จัดการคนพูดจาเลยเถิด

“บิ๊กตู่”เตรียมเปิดเวทีรับฟังความเห็นคนรุ่นใหม่ เดือนนี้ ยอมรับห่วงเวทีเด็กจัดชุมนุม แต่สั่ง จนท.ใช้กฎหมายกับคนพูดจาบจ้วง ถึงกับถอนหายใจหลังถูกถามจะไปร่วมรับฟังด้วยตัวเองหรือไม่

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยกล่าวยอมรับว่า เรื่องชุมนุมต่างๆ โดยเฉพาะเป็นห่วงเด็กๆ จึงได้ให้แนวทางเปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชนให้มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้เขารู้ว่าเขาอยากได้อนาคตอย่างไรเราก็จาฟังจากพวกเขาภายในเดือนนี้ ก็จะเปิดเวทีลักษณะนี้ให้มากขึ้น สำหรับรูปแบบก็จะเป็นการเปิดเวทีพูดคุยเพื่อพบปะหารือกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามอบหมายให้ใครเป็นเจ้าภาพในการจัดเวทีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นผู้จัดโดยรวมกลุ่มกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องไปจัดกลุ่มกันมา เพื่อเป็นเวทีพูดคุยหารือกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีจะไปร่วมเวทีด้วยหรือไม่ เพราะคนรุ่นใหม่อยากให้นายกรัฐมนตรีไปรับฟังความคิดเห็นด้วย พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับถอนหายใจ”เฮ้อ! “ พร้อมกล่าวว่า”เดี๋ยวดูก่อน”

ทั้งนี้ในส่วนที่มีหลายคนแสดงความเป็นห่วง เนื่องจากมีบางคนที่พูดจาก้าวล่วงไปถึงสถาบันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ปรามอะไร ให้เจ้าหน้าที่เขาปฏิบัติตามกฏหมายตามที่มีอยู่ วันนี้ตนกังวนในเรื่องของเศรษฐกิจ กังวลในเรื่องของโควิด-19

“ผมกังวลในเรื่องเหล่านี้ เรื่องอื่นผมคิดว่าประชาชนคนไทยทุกคนที่เป็นคนไทยก็ต้องร่วมมือกันทำให้ประเทศมีเสถียรภาพก่อนในตอนนี้ เพราะเศรษฐกิจจะลดการเจริญเติบโตไปอีกนานพอสมควร เรื่องนี้มันสำคัญด้วยหรือไม่ ผมไม่ได้บอกว่าอะไรสำคัญกว่าใครแต่ควรต้องให้ควบคู่กันไปได้หรือไม่ ทำให้สมดุลได้หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็คงทำอะไรไม่ได้ไปทั้งหมด แล้วคนที่เดือดร้อนจะทำอย่างไรต้อง ตอบคำถามตรงนี้ให้ผมด้วย จะชุมนุมอะไรก็แล้วแต่ก็ว่ากันไปตามสิทธิ ตามกฏหมาย แต่ทุกคนต้องเคารพกติกากฎหมายซึ่งกันและกัน ผมไม่ได้เป็นขู่อะไรใครทั้งสิ้น แต่ผมเป็นห่วงหลายคนที่พูดจาแล้วมันเกินเลยเลยเถิด อาจจะไม่ใช่การบริสุทธิ์ใจแท้จริง ก็เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไป”นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ไม่ใช่ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ก็ได้ไปพบไปเชิญมาพูดคุยเพื่อให้เลิกพฤติกรรมเหล่านี้ ซึ่งบางคนเลิก บางคนไม่เลิก บางคนก็หนักกว่าเดิม ก็ให้เป็นเรื่องกฎหมายว่ากันไป