‘ก้องศักด’ ชูกีฬากระตุ้นท่องเที่ยวเร่งปลดล็อกแก้เกมธุรกิจกีฬาวูบ 3 หมื่นล.เหลือแค่ 7 พันล.

‘ก้องศักด’ ชูกีฬากระตุ้นท่องเที่ยวเร่งปลดล็อกแก้เกมธุรกิจกีฬาวูบ 3 หมื่นล.เหลือแค่ 7 พันล.

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวในการเสวนาเรื่อง ไทยพร้อมแล้วกับการท่องเที่ยววิถีใหม่ ในงานสัมมนา ปลุกไทยเที่ยวไทย ปลุกเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า จัดโดย หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพมหานครว่า ช่วงต้นที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องห้ามกิจกรรมกีฬาทั้งหมด ระหว่างนั้นได้หารือกับกรมอนามัยในการปลดล็อกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับมาแข่งขันกีฬาต่างๆ เกือบครบทุกชนิดกีฬาแล้ว มีบางส่วนที่ต้องพิจารณาในรายละเอียด โดยเฉพาะกีฬาที่สัมผัสตัวกันมากๆ

ผู้ว่าการ กกท.กล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาเห็นชัดเจนว่าชาวกีฬาได้จัดการแข่งขันตามคู่มือที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทำไว้อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้กรมอนามัยและกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อกเพิ่มเติมอีก การไปจัดฟุตบอลแมตช์พิเศษ จ.ระยอง เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย หลังจากนี้จะทำเป็นรายงานสรุปส่งไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เพื่อจะได้ปลดล็อกให้แข่งขันและแฟนกีฬาเข้าชมการแข่งขันตามความเหมาะสม

ดร.ก้องศักด กล่าวว่า สำหรับการจัดมหกรรมกีฬามีความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวค่อนข้างสูง การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี มีเงินหมุนเวียน 3,200 ล้านบาท มีคนเข้าชมกว่า 50,000 คน หลังจากมีการประกาศยกเลิกของปีนี้ไป หลายจังหวัดในแถบ จ.บุรีรัมย์ ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงต้องเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือ สปอร์ตทัวริสม์ทั้งวิ่งและจักรยานแบบที่ จ.ระยอง มีการจัดกิจกรรมริมชายหาด แต่ยังมีข้อจำกัดในการให้คนต่างชาติเข้ามาร่วมวิ่งเทรลนานาชาติ ไทยแลนด์ บาย ยูทีเอ็มบี ที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้ต้องปรับแผนเป็นกระตุ้นนักวิ่งไทยให้ไปแข่งขันแทน ส่วนกีฬาที่จัดไม่มีคนดู ได้พยายามหากิจกรรมเสริม เพื่อเพิ่มสีสันในสนาม ให้ผู้ชมทางโทรทัศน์ได้ติดตามอย่างสนุกสนานมากขึ้น อยากให้กีฬาไปส่วนในการกระตุ้นทั้งเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว

“กกท.และทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องจะทำงานเพื่อก้าวข้ามเฟสนี้ไปสู่การจัดการแข่งขันปกติ เพราะมูลค่ากิจกรรมกีฬาของปี 2562 มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท แต่ปีนี้ลดเหลือ 7,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น” ดร.ก้องศักด กล่าว