“ชวลิต” ขอคนไทยรักกัน ปรองดองกัน ร่วมกันหาทางออกจากวิกฤต

วันที่ 2 สิงหาคม 2563 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อวานนี้(1 ส.ค.63) ตนและเพื่อน ส.ส.อีสาน หลายจังหวัดเดินทางร่วมกับคณะคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ไปจังหวัดขอนแก่นโดยมีจุดหมายที่เขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อดูสภาพน้ำในเขื่อนพบว่า น้ำในเขื่อนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานมาก ไม่ต้องพูดถึงว่าจะนำน้ำไปใช้เพื่อการเกษตร แม้เพื่อการอุปโภค บริโภค ทำน้ำประปาเพื่อประชาชน ก็อาจไม่เพียงพอ ถ้าฝนไม่มาเติมเต็ม

หลังจากนั้น ได้พบปะกับชาวบ้านบริเวณรอบ ๆ อ่างเก็บน้ำ ต่างกล่าวว่า ปีนี้เกรงว่าจะไม่มีข้าวกิน ไม่มีข้าวขึ้นยุ้งฉาง เพราะหว่านกล้าไปรอบแรก กล้าแห้งตายหมดแล้ว ขณะนี้หว่านกล้ารอบที่สอง หวั่นใจว่า จะแห้งตายอีก ชาวบ้านพูดไป น้ำตาซึมไป จึงขอเตือนสติไปยังทุกภาคส่วน โดยเฉพาะรัฐบาล, ส.ส.,ส.ว.
พวกเรามีเงินเดือนกิน ชาวบ้านไม่มี มีแต่หนี้สิน ยิ่งในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจหลังไวรัสโควิดระบาด ปัญหาเศรษฐกิจยิ่งหนักหนาสาหัส ประชาชนของเราจะอยู่กินกันอย่างไร ท่ามกลางวิกฤตเช่นนี้ รัฐบาล
ส.ส.และ ส.ว.ซึ่งป็นองค์กรที่มีอำนาจ หน้าที ในการแก้ปัญหาชาติ และประชาชน ควรผนึกกำลังกัน ร่วมมือกัน หาทางออกจากวิกฤตให้บ้านเมือง
ทั้งนี้ อาจจำลองเหตุการณ์ว่า ประเทศกำลังเกิดสงคราม แต่เป็นสงครามเศรษฐกิจที่ทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันฝ่าฟันวิกฤตไปให้ได้ การจะทำงานสำคัญ ต้องมีหมุดหมายเป็นกำลังใจ เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ ผมขอเสนอว่า ขณะนี้ใกล้ “วันแม่แห่งชาติ” 12 สิงหาคม ของทุกปี เรามาทำความดีเพื่อคนไทย ประเทศไทย ถวายวันแม่แห่งชาติร่วมกัน

คำว่า “แม่” มีความหมายลึกซึ้ง แม่เป็นผู้ให้ เอื้ออาทร เมตตา และอภัย ต่อลูกทุกคน เมื่อมีวิกฤต
แม่จะปกป้องลูกทุกคนสุดชีวิต ขณะนี้ คนไทยทุกคนอยู่ในวิกฤต อยู่ในห้วงสงครามเศรษฐกิจ
ผมขอเสนอแนะให้รัฐบาล ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งเป็นองค์กรในการแก้ไขปัญหาชาติ ร่วมมือกันทำงานสำคัญเฉพาะหน้า 3 ประการ ดังนี้

1. การยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกติกาสูงสุดทางด้านการเมือง การปกครองประเทศ ตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การแก้รัฐธรรมนูญ เป็นข้อเรียกร้องจากทุกภาคส่วน เพราะรัฐธรรมนูญทึ่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ไม่เป็นธรรม เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ แม้กระทั่งพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลยังมีเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาลว่า ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงไม่ต้องสงสัยว่า เหตุใดจึงมีเสียงเรียกร้องจากทุกภาคส่วนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้กระทั่งนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้

รัฐบาลควรเป็นเจ้าภาพ กำหนด time line ในกระบวนการให้ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน
ในส่วนของพรรคเพื่อไทยทราบว่า ผู้บริหารพรรคจะขอความเห็นชอบจากที่ประชุม ส.ส.ของพรรค ในอันที่จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อสภา ฯ เช่นกัน

2. การสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติผม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูป ทบทวน และแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ โดยเชิญตัวแทนกลุ่มผู้ที่เคยมีความเห็นต่างทางการเมืองในอดีต มาประชุมให้ข้อมูล ข้อคิด ข้อเสนอแนะในการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ ได้ข้อตกลงใจร่วมกันว่า จะหันหน้าเข้าหากัน สามัคคี ปรองดองกัน สำนึก รับผิด และขออภัยต่อสังคม เพื่อร่วมมือกันพัฒนาชาติบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเอกสารรายงานผลการศึกษา ฯ คาดว่าจะเสนอต่อสภาผู้แทนราษฏรได้ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ ทันวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2563 ซึ่งรายงานผลการศึกษา ฯ นี้ หากสภา ฯ ให้ความเห็นชอบ ก็จะเป็นต้นทางที่รัฐบาลจะรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่เห็นสมควรต่อไป

3. ดำเนินการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม
รัฐบาลควรดำเนินการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระโดยเร็ว เพื่อฟื้นศรัทธาประชาชน นอกจากนี้ ในการยกร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ควรกำหนดหลักการของกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระที่ยึดโยงกับอำนาจอธิปไตยให้ชัดเจน

นายชวลิต ฯ กล่าวย้ำในที่สุดว่า ประชาชนกำลังบอบช้ำในวิกฤตสงครามเศรษฐกิจ แต่ละภาคส่วนที่มีอำนาจ หน้าที่ในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและประเทศชาติโดยเฉพาะ รัฐบาล ส.ส.และ ส.ว.ควรร่วมมือกันในยามที่ประชาชนของเรากำลังเดือดร้อน การจะฝ่าฟันวิกฤตที่เรียกว่าสงครามเศรษฐกิจ ถ้าไม่สามัคคี ปรองดองกัน ไม่มีทางที่จะผ่านวิกฤตไปได้ แต่ในการฟันฝ่าวิกฤตดังกล่าว รัฐบาลต้องยึดหลักความยุติธรรมนำหน้า ไม่เอารัด เอาเปรียบในทางการเมือง ถึงจะได้รับความร่วมมือ โดยเฉพาะการปรองดอง สมานฉันท์ ควรนำคุณธรรมขั้นสูงมาใช้ คือ เมตตา และอภัย ความร่วมมือจะบังเกิดขึ้น