ม็อบเยาวชน : “วงเวียนใหญ่-สนามจันทร์-พระนครเหนือ” เดินหน้าชุมนุมขับไล่เผด็จการ

วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 การเคลื่อนไหวทางการเมืองของผู้ชุมนุมคนรุ่นใหม่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม เป็นต้นมา โดยวันนี้ มีการชุมนุมของนักศึกษามหาวิทยาลัย นักเรียน นักศึกษาอาชีวะและประชาชนทั่วไป ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

แฮมทาโร่ฝั่งธนฯวิ่งรอบ “พระเจ้าตาก” ฉีกกงเต๊กฌาปนกิจเผด็จการ

โดยบริเวณวงเวียนใหญ่ บริเวณลานล้อมอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน เมื่อเวลา 17.00 น.กลุ่มนักเรียน นักศึกษาและประชาชนบริเวณย่านธนบุรี ภายใต้ชื่อเฉพาะกิจ “แฮมทาโร่ตรวจไฟ” ได้รวมตัวจัดงานขึ้น แทนที่กลุ่มนวชีวิน ซึ่งก่อนหน้านี้ กลุ่มนวชีวินมีกำหนดการจัดงานที่บริเวณนี้ แต่ติดปัญหาที่เจ้าหน้าที่กรุงเทพฯมาตรวจกระแสไฟและความปลอดภัยอันเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มอาชีวะรักชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มมวลชนที่มีอดีตแนวร่วม กปปส.รวมอยู่ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและมีอุดมการณ์แบบจารีตนิยม

จากนั้น ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกัน ฝั่งตรงข้ามห้างทองแม่ทองสุข สาขาวงเวียนใหญ่ ไม่ได้เข้าไปในรั้วกั้น โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนเดินทางมาร่วมอย่างเนื่อง บางส่วนเตรียมป้ายข้อความและสวมใส่ที่คาดผมหูหนูสีชมพู สื่อความหมายว่าเป็นหนูแฮมทาโร่ มีการตะโกนยุบสภาระหว่างการจัดกิจกรรม

จากนั้นมีการเปิดเวทีให้ประชาชนร่วมปราศรัย ทั้งนี้ มีเยาวชนหมุนเวียนขึ้นเสนอข้อเรียกร้อง และเล่าความในใจอย่างต่อเนื่อง อาทิ
1.รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีการตั้ง ส.ว.ให้อยู่ถึง 5 ปี มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทำรัฐประหารให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มีการบอกให้ชายไทยทุกคนที่ถึงเกณฑ์ต้องไปเกณฑ์ทหาร ซึ่งใช่ว่าทุกคนอยากเป็น บางคนเสียโอกาสทั้งด้านอาชีพและอนาคต จึงควรยกเลิกการเกณฑ์หทารให้เป็นระบบสมัครใจ

2.เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ เพราะทุกคนคือคนไทย เขาควรได้รับสิทธิเสรีภาพเหมือนกันทุกคน เราควรผลักดันการสมรสเท่าเทียมออกเป็นกฎหมายให้ถูกต้อง เพราะ พ.ร.บ.คู่ชีวิตที่ออกมาไม่ได้สิทธิ สวัสดิการเท่าคู่สมรส จึงไม่ควรให้ พ.ร.บ.คู่ชีวิตนี้ออกมาเป็นกฎหมาย

3.ยุบสภา เพราะรัฐบาลไม่มีความสามารถบริหารประเทศ แก้ปัญหา รวมถึงเรียกร้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หยุดคุกคามประชาชน ไปจนถึงเรื่อง CPTPP ที่เวลานี้กระแสหายไป จึงอยากให้มีการคัดค้าน เพราะส่งผลเสียต่อเกษตรกรและประชาชนอย่างมาก ทำให้ข้าวของทางการเกษตรมีราคาสูง ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์จากนายทุน ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นขณะที่รายได้เท่าเดิมซึ่งไม่ยุติธรรม เพราะเอื้อประโยชน์แค่กับนายทุนและรัฐบาลเท่านั้น

จากนั้นชายวัยทำงานขึ้นกล่าวมีใจความดังนี้ “เชื่อว่าเราทุกคนมีสิทธิมีเสียงเป็นของตัวเอง ในฐานะคนทำงาน เพิ่งจบใหม่ มาทำงานใน กทม.เจอปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องความไม่เท่าเทียมในชีวิต คนเดินดินไม่ได้รับการปฏิบัติเท่ากัน คือเหตุผลที่ตนออกมา ทำไมไม่มีใครกล้าพูด ออกมาแสดงความคิดเห็น ก็เพราะเวลาออกมามักตกเป็นเป้าของการโจมตี ต้องมีอะไรมาเซ็นเซอร์ ซึ่งบางครั้งไม่ควรมี กระทั่งเรื่องบนหัวอย่างทรงผม ทำไมต้องเอาอะไรที่โบราณมากดหัว เพราะเรียนจบมหาวิทยาลัย ย้อมหัวแดงก็รับเข้าทำงาน ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ส่วนตัวเห็นข่าวการจัดกิจกรรมจากเฟซบุ๊ก เป็นคนฝั่งธนบุรีคนหนึ่งทำงานที่นี่มาหลายปี จนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เลิกงานจึงนั่งรถกลับไปเปลี่ยนจากเสื้อองค์กรมาเป็นเสื้อกีฬา แล้วมาร่วม เพราะเดี๋ยวโดนกดหัวผ่านทางองค์กร ดีใจที่เราจะร่วมตื่นไปด้วยกัน ประเทศไทยสู้ๆ”

“ยุคนี้ตื่นได้แล้ว ยุคนี้หมดความกลัว รัฐบาลว่าเราเป็นภัยความมั่นคง สิ่งที่ควรจะดีกว่านี้ อย่างฟุตปาธ ทำไมแก้ไม่ได้ ซ่อมแล้วซ่อมอีก เดินออกจากบ้านมา รอรถเมล์นาน ไม่มีศักยภาพ เพราะรัฐบาลเข้าไม่ถึงระบบขนส่ง รถเมล์เก่า แอร์ไม่เย็น ทุกคนเคยเจอเพราะรัฐบาลเข้าไม่ถึง ไม่มาดูแลระบบ ขสมก. ย้อนแย้งกับที่รัฐบาลมีนโยบายเว้นระยะห่าง เพราะขึ้นไปหายใจรดต้นคอ

ถ้าการเมืองดีเราจะมีระบบขนส่งไฟฟ้าที่ไม่ใช้น้ำมัน ซึ่งเราควรจะมีนานแล้ว เราเจอปัญหาเดียวกันทั้งหมด รัฐปล่อยปละละเลย แต่ไปเข้าถึงระบบอื่นเพื่อนายทุน ระบบกลาง-ล่าง เข้าไม่ถึง เราต้องทนไปกี่ปี วันนี้ชื่นใจที่เยาวชนมาเยอะ เพราะเราต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าไม่ออกมาวันนี้จะออกมาวันไหน เริ่มตั้งแต่ม็อบระยอง หมดยุคความกลัวแล้ว เราไม่ได้ทำอะไรผิด เรามาเรียกร้องในสิทธิที่ควรจะได้จากรัฐบาลที่แช่แข็งประเทศไทยไว้ ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง 1.ยุบสภา 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 3.หยุดคุกคามประชาชน”

จากนั้น เยาวชนหญิงขึ้นกล่าว ความว่า สิ่งที่เราทุกคนเจอมาตลอดคือฟุตปาธเสี่ยงทาย ว่าจะมีน้ำกระเด็นมาหรือไม่ อยากถามว่าทำไมไม่ทำดีๆ พอมาถึงป้ายรถเมล์ ใช้การไม่ได้ หลบฝนหลบแดดไม่ได้ พอรถเมล์มาก็ใช้มาตั้งแต่รุ่นไหน คุณภาพแย่ลงสวนทางกับคุณภาพ จะเอาเงินไปทำอะไร เมื่อนั่งรถไฟฟ้าก็ความเหลื่อมล้ำสุดสุด ไป-กลับเฉลี่ย 100 บาทต่อวัน คนหาเช้ากินค่ำเอาปัญญาไหนไปจ่าย เสียเวลาไปเท่าไหร่กับการเดินทาง ทำไมคุณภาพชีวิตแย่ขนาดนี้ ถ้าระบบขนส่งสาธารณะดีคนจะขึ้นเพราะสะดวก รถจะติดน้อยลง ปัญหาแค่นี้คิดกันไม่ได้หรือ กทม.ยังดีที่มีรถเมล์ใช้ แต่ทำไมต่างจังหวัดยังไม่มีรถสาธารณะ ทั้งที่จ่ายภาษีเท่ากันทุกคน ทำไมไม่ได้รับสวัสดิการที่ดี รถไฟฟ้าความเร็วสูงไม่ไวเหมือนราคา โครงการถนนสร้างกี่โครงการไม่เสร็จสักที กินส่วนแบ่งกันอิ่มไหม การมีรถประจำทางดีๆ ถนนดีๆ ปัจจัยพื้นฐานที่สมควรได้ ทำไมไม่มี ต้องทนรัฐบาลห่วยๆ ไปถึงเมื่อไหร่ ทั้งที่เป็นประเทศของเรา ทำไมรัฐบาลให้ไม่ได้

จากนั้นเวลา 17.35 น. มีการทำกิจกรรม “ฌาปนกิจระบอบเผด็จการ” โดยมีป้าย “ระบอบเผด็จการ ชาตะ 22 พ.ค.2557 มรณะ 30 ก.ค.2563” ตั้งแทนภาพผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมได้ใช้วิธีการฉีกกงเต๊ก เนื่องจากไม่สามารถเผาได้ อาทิ บ้านพักหรูตุลาการ, เงินสด, พาสปอร์ตวีไอพี ผ่านได้ทันทีไม่ต้องรออะไร, ป้ายไว้อาลัยระบอบเผด็จการ #ให้มันจบที่รุ่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนมาร่วมฉีกกงเต๊กคับคั่ง โดยฉีกแล้วทิ้งลงถุงขยะ เพื่อป้องกันการกล่าวหาว่าทำประเทศสกปรก

จากนั้น เวลา 18.00 น. ผู้ร่วมกิจกรรมตั้งแถวเตรียมตัววิ่ง โดยได้ร่วมชู 3 นิ้ว ร้องเพลงชาติ ก่อนจะวิ่งรอบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อช่วยหน่วยงานรัฐตรวจไฟรอบวงเวียนใหญ่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมในเวลา 18.08 น. แกนนำกล่าวว่า ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นปิดสถานที่เพื่อตรวจไฟ แต่พอจะมีการชุมนุมปิดทันที เขากลัวอะไรกัน จากนั้นประชาชนตะโกน “ตรวจไฟฟรีจากภาษีประชาชน” 5 ครั้ง ก่อนจะแยกย้ายไปทานลูกชิ้น โดนัท และน้ำดื่ม ที่หนึ่งในชาวธนบุรีเตรียมมาแจกเยาวชนที่ร่วมกิจกรรม

วังสนามจันทร์คึก! ม็อบชู “ศิลปะยืนยาวแต่เราชุมนุมยาวกว่า”

เมื่อเวลา 17.00 น.บริเวณลานหน้าอาคารเพชรรัตน์-สุวัทนา ภายในรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม ถึงบรรยากาศ การจัดกิจกรรมชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาล

โดยมีนักเรียนจากโรงเรียน

สาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร โรงเรียนศรีวิชัยวิทยา รวมไปถึงนักศึกษาและศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยศิลปากร รวมกันกันจำนวนกว่า 500 คน โดยบรรยากาศเป้นไปอย่างคึกคัก มีการร้องเพลงล้อเลียนรัฐบาลและตีกลองเป็นจังหวะ สร้างความคึกครื้นให้กับผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมเป็นอย่างยิ่ง

ก่อนที่จะเริ่มการปราศรัย ได้มีเหล่าแฮมทาโร่ ซึ่งเป็นนักเรียนจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร เดินขบวนร้องเพลงสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ ซึ่งสร้างเสียงปรบมือให้กับคณะที่ชุมนุม พร้อมกับชู 3 นิ้ว ไม่เอาเผด็จการ ภายในสโลแกน ชุมนุมไปเรื่อยๆไม่เหนื่อยนะจ๊ะ ศิลปะยืนยาวแต่เราชุมนุมยาวกว่า

โดยกลุ่มที่เข้าร่วมชุมนุม ได้ถือป้าย ต่างๆที่มีข้อความโจมตีถึงการทำงานของรัฐบาล สำหรับเวทีปราศรัยนั้น มีกลุ่มแกนนำนักศึกษากว่า 10 คนที่ขึ้นกล่าวปราศรัย ทั้งนักเรียนระดับมัธยม ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ และวิทยาเขตเพชรบุรี กลับกันกล่าวปราศรัยถึง 28 หัวข้อ

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ คอยคุมสถานการณ์ดูแลอยู่ โดยไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

“นศ.-นร.อาชีวะ” ผนึกกำลัง ชุมนุมต้านรัฐบาลเผด็จการ

วันที่ 30 ก.ค. ที่ลานกว้างด้านหน้าคณะศิลปศาสตร์ประยุกต์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กลุ่มสิทธิเสรีภาพ พระนครเหนือ นัดจัดกิจกรรม #อะหรืออะหรือว่าเป็นเผด็จการ โดยมีนักศึกษา และกลุ่มนักเรียนอาชีวะ และศิษย์เก่า หลายสถาบัน รวมตัวกันประมาณ 500 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการปราศรัยบนเวที ได้พูดถึงประเด็นเรื่องปัญหาการทำงาน และความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล

ขณะเดียวกัน กลุ่มฟันเฟืองประชาธิปไตย อาชีวะปกป้องประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย ที่โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าเป็นกลุ่มอาชีวะที่ออกมาปกป้องประชาธิปไตย ได้มาร่วมชุมนุม และนำป้ายผ้า เขียนข้อความ อาทิ อาชีวะพิทักษ์ประชาชน และ อาชีวะโค่นเผด็จการ สืบสานเจตนารมย์ 14 ตุลา เป็นต้น