“อาชีวะช่วยชาติ” แถลงปกป้องสถาบันฯ ยันไร้การเมืองหนุนหลัง เตือนเบื้องหลังม็อบนักศึกษาหยุดกระทำไม่เหมาะสม

แกนนำกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ ยันไม่มีการเมืองหนุนหลัง เพราะทำเพียง 3 คน ที่เป็นแอดมินเพจ ไม่ยืนยันเคลื่อนไหมต่อหรือไม่ ชี้อยู่ที่สถานการณ์ และอย่านำสถานการณ์นี้เทียบกับ 6 ตุลาคม 2519 เพราะแตกต่างกัน อดีตก็คืออดีต ยันกลุ่มไม่ต้องการให้มีเผชิญหน้าฝาก ‘คนเบื้องหลัง’ ม็อบปลดแอก ให้ระวังตัว -หยุดพฤติกรรมไม่เหมาะสม

วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 เมื่อช่วงเวลา 14.00 น. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยฝั่งร้านศรแดง นายทศพร มนูญญรัตน์ ตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าแอดมินเพจเคยเป็นแนวร่วม กปปส. ว่า กลุ่มอาชีวะช่วยชาติก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแอดมินเพจเป็นตนเองแล้ว ยืนยันว่าแอดมินคนเดิมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพจแล้ว ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านมองว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มมีรัฐบาลอยู่เบื้องหลังนั้นยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีเพียงตนและเพื่อนอีก 2 คน ที่ร่วมกันคิดและดำเนินการจัดกิจกรรมขึ้น

ส่วนความเคลื่อนไหวหลังจากนี้ ยังไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ วันนี้เป็นเพียงการแถลงจุดยืน และยังไม่อยากยกระดับไปถึงขั้นชุมนุม เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและโรคระบาดที่ทำให้ประเทศไทยเสียหายอย่างมาก การออกมาชุมนุมอาจทำให้ประเทศเสียหายมากกว่าเดิม ทั้งนี้หากกลุ่มเยาวชนปลดแอกหรือผู้อยู่เบื้องหลังยังมีพฤติกรรมต่อต้านหรือล้มล้างสถาบัน กลุ่มอาชีวะช่วยชาติอาจจะออกมาเคลื่อนไหว แต่ยืนยันว่าจะไม่มีความรุนแรงหรือการเผชิญหน้าเกิดขึ้นและขออย่านำสถานการณ์นี้ไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 อดีตก็คืออดีต ซึ่งมีความแตกต่างกัน

ส่วนจะมีการเรียกร้องให้ใช้มาตรา 112 กับคนที่ถือผ้ายข้อความไม่เหมาะสมหรือไม่นั้น นายทศพล กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องขอให้เป็นเรื่องทางกฎหมาย ทางกลุ่มมีหน้าที่อย่างเดียวคือปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

สำหรับข้อเรียกร้อง กลุ่มเยาวชนปลดแอกทั้ง 3 ข้อ ตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ ระบุว่า ไม่ได้ต่อต้านหรือสนับสนุน เพราะเข้าใจหลักสิทธิมนุษยชน แต่ขอฝากถึงกระทรวงที่ดูแลด้านการใช้โซเชียลมีเดีย ให้ดำเนินการตรวจสอบบุคคลที่ใช้โซเชียลเผยแพร่ข้อมูลจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมฝากถึงผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของนักศึกษา ว่า ให้ระวังตัวและหยุดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

ทั้งนี้ จากการสังเกตการณ์การชุมนุมดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมชุมนุมราว 200 คน โดยผู้ร่วมชุมนุมส่วนใหญ่อยู่วัยกลางคนจนถึงสูงวัย ผิดกับการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกและอีกหลายกลุ่มตามจังหวัดต่่างๆที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 15-25 ปี