เมื่อวันที่ 17 ก.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในการปรับครม. “ประยุทธ์ 2/2”หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ระบุชัดว่าจะไม่แตะไปที่โควตาพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงการปฏิเสธบางรายชื่อที่ปรากฏตามสื่อ ในส่วนที่จับตาคือทีมเศรษฐกิจ ซึ่งค่อนข้างจะชัดเจนในรายชื่อ 2 คนนอกที่จะเข้ามา คือนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย และในฐานะกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เข้ามารับตำแหน่ง รมว.คลัง ส่วนนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม และอดีตผู้บริหารปตท.ที่คาดกันว่ามีโอกาสที่จะเข้ามาเป็น รมว.พลังงาน มากที่สุดนั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นไปตามที่ปรากฏหรือไม่

รายงานข่าวแจ้งว่า การจัดโผครม.ในส่วนของพรรคพปชร.จะมีปัญหาและอาจเกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือในส่วนของรมว.พลังงาน เพราะมีหลายปัจจัยทางการเมืองที่ต้องพิจารณา ทั้งจำนวน ส.ส.ในมือของแคนดิเดตรัฐมนตรีแต่ละกลุ่ม และที่สำคัญกลุ่มนายทุนด้านพลังงานรายใหญ่ ที่สนับสนุน “3 ป.”มาโดยตลอด ต้องการให้คนสนิทที่เป็นแกนนำพปชร.ที่เป็นคนกันเอง ซึ่งมีชื่อนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ปรากฏขึ้นมา

ขณะที่สัญญาใจที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคที่ให้ไว้กับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร ก็ยังค้ำไว้ ส่วนส.ส.บางกลุ่มก็สนับสนุนให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ ผอ.พรรคคนใหม่ เขยิบจาก รมช.คลัง ขึ้นมาเป็น รมว.พลังงาน หรือ รมต.กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง

ดังนั้น เก้าอี้กระทรวงพลังงาน จึงเป็นกระทรวงที่มีปัญหาในการจัดสรรคนมากที่สุด และหากจะมีการนำ “คนนอก” เข้ามานั่งเก้าอี้นี้ ก็จะเกิดอกหักซ้ำสองและสร้างความปั่นป่วนภายในอย่างพรรคขึ้นได้อีก เนื่องจากจำนวนโควตาเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับที่ยังมี “4 กุมาร” ในพรรค ซึ่งแกนนำและส.ส.ในพรรคคงไม่ยอม และภายในพรรคคาดกันว่าในสุดสัปดาห์นี้จะมีการหารือกัน ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพปชร. ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ เพื่อเคาะตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรค ก่อนส่งให้นายกรัฐมนตรีต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ภายในพรรคพปชร.แกนนำกลุ่มต่างๆ ที่มีรายชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีก่อนหน้านั้น ยังมีความเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดแรงสนับสนุนและไม่ให้ตกขบวนในการปรับครม.ครั้งนี้ โดยชื่อนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และเลขาธิการพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น รวมถึงนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเหรัญญิกพรรค ยังต้องรอลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรี ที่ว่างลงไม่กี่ตำแหน่ง หลังรัฐมนตรีกลุ่ม 4 กุมารลาออก ท่ามกลางกระแสคนนอกในโควตากลางของนายกฯ ที่อาจจะแทรกเข้ามาเบียดพื้นที่ของกลุ่มการเมืองให้เหลือน้อยลง ดังนั้น กระทรวงที่คาดหวังไว้อาจมีการขยับปรับเปลี่ยน หรือบางคนอาจต้องหลุดจากโผแคนดิเดตได้

ทั้งนี้ เบื้องต้นโควตากลางที่นายกฯ พิจารณาเองก่อนหน้านี้ อาทิ รองนายกฯ รมว.ต่างประเทศ รมช.กลาโหม หากจะมีกระทรวงอื่นเข้ามาเพิ่มเติม ก็อาจกระทบกับในส่วนของพรรคที่บรรดาแกนนำพรรคพปชร.หวังไว้ อาจทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคอีกเป็นได้

“ในส่วนการสลับปรับเปลี่ยนตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ของ “2 ป.”นั้น ถึงแม้นายกรัฐมนตรีระบุว่า ทั้ง “2 ป.” อยู่ที่เดิม แต่ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันบนโต๊ะอาหาร ของ “3 ป.” ว่าจะให้พล.อ.ประวิตร ไปเป็น รมว.มหาดไทย” ดังนั้นอะไรก็ยังเกิดขึ้นได้”