‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่จ.พิษณุโลก-พิจิตร เร่งแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งระยะยาว ให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกุลา อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ประกอบด้วยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย(มท.) และนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้เดินทางไปตรวจราชการเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตามมาตรการของ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมเยี่ยมชมการสาธิตการขุดเจาะบ่อเติมน้ำใต้ดินแบบบ่อวงคอนกรีต

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เนื่องจากพื้นที่ทุ่งบางระกำ เป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังเป็นประจำทุกปี รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดทำโครงการเติมน้ำใต้ดิน ซึ่งการเติมน้ำใต้ดินสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นที่ที่จะทำการเติมน้ำ ดังนั้น จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานท้องถิ่น และผู้ที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันดูแลและกำชับควบคุมการเติมน้ำใต้ดินให้ทำอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และจะต้องทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะนอกจากการเติมน้ำใต้ดินแล้ว รัฐบาลยังมีความเป็นห่วงในเรื่องของการขาดแคลนน้ำทั้งด้านการอุปโภคบริโภค และการเกษตร โดยรัฐบาล จะเร่งรัดจัดหาแหล่งน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป และขอฝากให้ชาวอำเภอบางระกำช่วยกันดูแลทรัพย์สินส่วนรวม และทรัพย์สินของทางราชการ และช่วยกันใช้ทรัพยากรน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำผิวดิน หรือน้ำบาดาล ต้องใช้อย่างรู้คุณค่า ใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

จากนั้นพล.อ.ประวิตร พร้อมคณะ ลงพื้นที่ จ.พิจิตร เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟและโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ณ บึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร โดยมีนายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปภาพรวมการพัฒนาฟื้นฟูบึงสีไฟและแม่น้ำพิจิตร และนายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า สรุปความก้าวหน้าผลการดำเนินงานขุดลอกบึงสีไฟ บริเวณอุทยานบัว บึงสีไฟ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การลงพื้นที่บึงสีไฟครั้งนี้เพื่อติดตามเร่งรัดการการขุดลอกบึงสีไฟเพื่อเพิ่มปริมาณความจุรองรับน้ำฝน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำเดิมให้สามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น โดยกรมเจ้าท่าเป็นเจ้าภาพหลักดำเนินการขุดลอกบึงไฟ แบ่งเป็น 2 ระยะ จะส่งผลให้บึงสีไฟสามารถเก็บกักน้ำได้ทั้งสิ้น 12 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) โดยระยะที่ 1 แล้วเสร็จตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 มีปริมาณมูลดินที่ได้จากการขุดลอก ประมาณ 4.7 ล้านลูกบาศก์เมตร คงเหลือส่วนระยะที่ 2 ที่ต้องขุดลอกดินอีกประมาณ 7 แสน ลบ.ม. ได้กำชับให้มีการเร่งรัดการดำเนินการขุดลอก การขนย้ายและการจำหน่ายวัสดุขุดลอกทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ รวมถึงการลำเลียงน้ำเข้าสู่บึงสีไฟ กรมชลประทานคาดว่าจะมีปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นสามารถดึงน้ำเข้าบึงได้ประมาณวันที่ 15 สิงหาคมเป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายการเก็บกักน้ำไม่น้อยกว่า 80% ของความจุ พร้อมได้มอบหมายให้ สทนช.ประสานจังหวัดพิจิตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางกรอบแนวจัดทำแผนหลักการพัฒนาฟื้นฟูและใช้ประโยชน์บึงสีไฟทั้งระบบ (Master Plan) เช่นเดียวกับการบูรณาการแผนพัฒนาฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ เช่น บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ บึงราชนก จ.พิษณุโลก และหนองหาร จ.สกลนคร เป็นต้น เพื่อให้การพัฒนาบึงเกิดความต่อเนื่องทั้งหน่วยงานรับผิดชอบ งบประมาณรองรับในแต่ละด้านอย่างชัดเจน อาทิ การขุดลอกบึงเพื่อเพิ่มปริมาณความจุเก็บกักให้ได้มากขึ้น การพัฒนาฟื้นฟูทรัพยากรสิ่งแวดล้อมภายในบึง การใช้ประโยชน์สาธารณะ เป็นต้น รวมถึงติดตามแผนงานโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตรในการเร่งรัดฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร แก้ไขปัญหาแม่น้ำตื้นเขิน สิ่งกีดขวางทางน้ำ และการเติมน้ำแม่น้ำพิจิตรด้วย