เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานคำแถลงของนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ถึงผลการเลือกตั้งทั่วไป หลังพรรคกิจประชาชน หรือ PAP พรรครัฐบาลของสิงคโปร์ชนะเลือกตั้งทั่วไป แม้ครองเสียงข้างมาก แต่ได้เก้าอี้น้อยลง ขณะที่ฝ่ายค้านสร้างผลงานดีที่สุด มีที่นั่งในสภาสูงถึง 10 เก้าอี้

“ผลการเลือกตั้งครั้งนี้บ่งบอกความต้องการที่ชัดเจนของเสียงที่หลากหลาย ชาวสิงคโปร์ต้องการให้ PAP จัดตั้งรัฐบาล แต่ผู้ลงคะแนน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ต้องการเห็นบทบาทของฝ่ายค้านในสภามากขึ้น” นายกฯ ลี เซียนลุง กล่าว

ผลการนับคะแนน พรรครัฐบาลครองที่นั่งในรัฐสภา 83 จาก 93 ที่นั่ง หรือร้อยละ 61.2 ของคะแนนเสียง ลดลงเกือบร้อยละ 70 จากจำนวนคะแนนเสียงที่พรรคชนะในการเลือกตั้งเมื่อปี 2558 ส่วนพรรคแรงงาน ฝ่ายค้านได้ 10 ที่นั่ง ถือว่าเป็นชัยชนะที่ดีที่สุดของพรรค

สถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีต้องเลื่อนแผนตั้งทายาทผู้นำทางการเมืองออกไปก่อน อีกทั้งอาจส่งผลต่อนโยบายการรับคนงานต่างด้าวเข้าประเทศ ให้เข้มงวดขึ้น เนื่องจากผลเลือกตั้งนี้สะท้อนถึงปฏิกิริยาของประชาชนต่อการรับมือสถานการณ์โควิดของรัฐบาล

แม้ว่าสิงคโปร์ เป็นหนึ่งในประเทศไม่กี่แห่งทั่วโลกที่จัดการเลือกตั้งได้ แม้มีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองเป็นประชามติจากประชาชนต่อการรับมือสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาล

รัฐบาลเผชิญปัญหาการรับมือโควิด-19 ที่ได้รับการชื่นชมตอนแรก แต่การระบาดกลับมารอบสองจากคลัสเตอร์ หรือผู้ป่วยกลุ่มก้อน ตามหอพักคนงานต่างชาติ จนยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น

นอกจากนี้ ทำให้เศรษฐกิจถดถอยด้วยเมื่อพิจารณาตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อหัว สิงคโปร์ติดกลุ่มประเทศได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในโลก ทั้งที่อัตราการเสียชีวิตต่ำและผู้ติดเชื้อในการระบาดรอบสองส่วนใหญ่มาจากหอพักคนงานต่างชาติก็ตาม