รมว.ท่องเที่ยว ยันเดินหน้าดึงต่างชาติเที่ยวไทย เพิ่มเงื่อนไข ‘แทรเวล บับเบิล’ ต้องอยู่เกิน 14 วัน – จำกัดพื้นที่

‘พิพัฒน์’ ยังเดินหน้าดึงต่างชาติเที่ยวไทย เพิ่มเงื่อนไข ‘แทรเวล บับเบิล’ ต่างชาติต้องอยู่เกิน 14 วัน – จำกัดพื้นที่เดินทางท่องเที่ยว
‘พิพัฒน์’เดินหน้าดึงตช. – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีการจับคู่ประเทศท่องเที่ยวระหว่างกัน (แทรเวล บับเบิล) โดยพิจารณาจับคู่กับประเทศที่มีความสามารถในการควบคุมโควิด-19 ได้ดีไม่แตกต่างจากประเทศไทย เมื่อเดินทางเข้ามาแล้วจะไม่ถูกกักตัว 14 วัน แต่ต้องดำเนินการตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ประชุมร่วมกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชุดเล็กทุกวัน คาดว่าจะหารือกับศบค. ชุดเล็ก แล้วเสร็จภายในสิ้นดือก.ค.นี้ เพื่อนำผลสรุปของแทรเวล บับเบิล เสนอให้ศบค. ชุดใหญ่พิจารณา ซึ่งหากผ่านแล้วก็จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

ท่ามกลางภาวะโรคระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่มีวัคซีนต้านไวรัส การต้อนรับตลาดต่างชาติคงไม่สามารถอนุญาตให้เข้ามาแบบอิสระเหมือนที่ผ่านมาได้ จึงได้หารือร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงแผนของกระทรวงท่องเที่ยวฯ ว่า การอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในระยะเริ่มต้น จะนำเข้ามาเฉพาะพื้นที่ที่กำหนดไว้ อาทิ ภูเก็ต โดยมีข้อกำหนดสำคัญคือ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามา ต้องอยู่ในประเทศไทยเกิน 14 วัน ซึ่งจะมีการจำกัดพื้นที่ในการเดินทางท่องเที่ยวของต่างชาติ อาทิ ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพงัน เพื่อให้สาธารณสุขสามารถควบคุมดูแลการเข้ามาของต่างชาติได้ ซึ่งถือเป็นการกักตัวดูอาการไปในตัว

หลังจากนั้นจะตรวจหาเชื้อเพื่อยืนยันว่าไม่พบเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง หลังจากนั้นหากนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการเดินทางไปเที่ยวพื้นที่อื่นในไทย ก็สามารถแจ้งความต้องการเข้ามา เพราะสามารถการันตีได้แล้วว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติไร้เชื้อโควิด-19 อย่างแท้จริง

“ทุกอย่างยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเสร็จทันเดือนส.ค.นี้หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวอยากให้เสร็จทัน และต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนส.ค. เพราะต้องยอมรับว่า แม้รัฐบาลจะกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ แต่การท่องเที่ยวในประเทศ มีรายรับหรือการหมุนเวียนกระแสเงินในระบบ ไม่เพียงพอสำหรับโครงสร้างในด้านการท่องเที่ยว ที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลักมาตลอด”

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ปี 2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยกว่า 39.8 ล้านคน เทียบกับตลาดไทยเที่ยวไทย ที่หากออกเดินทางก็สร้างรายได้สูงสุดไม่เกิน 30-40% ของรายได้ในภาพรวม ทำให้ต้องดึงรายได้อีก 60% ที่เหลือ ซึ่งมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ กลับมาเติมเต็มให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ประกอบการ อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร รถนำเที่ยว ไม่ใช่แค่จะอยู่ยากเท่านั้น แต่จะอยู่ลำบากกันทุกภาคส่วน ไม่จำกัดเฉพาะเอสเอ็มอี แต่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ก็จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องเช่นกัน

สำหรับต่างชาติที่จะอนุญาตให้เข้าประเทศในระยะทดลอง ได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจ และบุคคลที่จะเข้ามารักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลเอกชนไทย นอกเหนือจากการรักษาโควิด-19 ส่วนประเทศที่มีแนวโน้มจะทำการจับคู่ท่องเที่ยวระหว่างกัน ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา เนื่องจากประเทศเบื้องต้นที่คาดว่าจะจับคู่เดินทางระหว่างกันได้ก่อน พบว่ามีการระบาดโควิด-19 กลับมาอีกรอบ จึงต้องประเมินความพร้อมอย่างต่อเนื่อง

“ขณะนี้พบว่ามีบางประเทศ ที่เมืองในประเทศนั้นๆ ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน อาทิ หลายมณฑลในประเทศจีนไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องกว่า 30 วันแล้ว ซึ่งอาจมีการพิจารณาอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เฉพาะเมืองที่ปลอดภัยเข้ามาก่อน โดยกระทรวงท่องเที่ยวฯ ได้หารือร่วมกับทางการจีนมาตลอด เพื่อเตรียมรองรับการกลับมาเดินทางอีกครั้ง หากพบว่ามีมณฑลของจีนมีความปลอดภัยแท้จริง”