ห่วงสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง! กระทบแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจช่วงโควิด-19

หอการค้าห่วงสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง กระทบแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 แนะภาครัฐตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจ-แก้ปัญหาปากท้อง-แก้ปัญหาการเก็บภาษีซ้ำซ้อน-ลดการจัดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของนายจ้าง
หอค้าห่วงการเมืองไม่นิ่ง – นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าเสนอให้ 1. ภาครัฐจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มีรูปแบบการปฎิบัติงานเช่นเดียวกันศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ขึ้นมา เพื่อให้มีความคล่องตัวในการประสานงานกับภาคเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 โดยนายกฯ หรือหัวหน้าทีมเศรษฐกิจนั่งเป็นประธานศูนย์ 2. การแก้ปัญหาปากท้อง ลดภาระค่าใช้จ่ายของเอสเอ็มอี ที่ภาครัฐดำเนินการไปแล้ว 3 เดือนแต่ต้องการขยายให้ถึงสิ้นปี 3. การแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อน

4. ลดการจัดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของนายจ้าง โดยกฎหมายกำหนดให้ นายจ้าง ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตรา 4% ให้ลดเหลือ 1% 5. เร่งให้เปิดด่านการค้าชายแดนให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถส่งออกสินค้าได้ 6. เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายบางอย่างที่ล้าหลังให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน 7. ในส่วนของการแก้ไขปัญหาในระยะยาวหอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลไทยเข้าร่วมเจรจาความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) โดยให้นำข้อดีข้อเสียจากการเข้าร่วมที่มีการศึกษามาก่อนหน้านี้ มาพิจารณา ไม่ควรอยู่เฉยเพราะอาจทำให้ประเทศไทยตกขบวนด้านเศรษฐกิจหลังการระบาดของไวรัสปรับตัวดีขึ้น

นายกลินท์ ยังกล่าวอีกว่า เอกชนมีความเป็นห่วงในเรื่องของสถานการณ์การเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอน หรือยังไม่นิ่ง มีความคลุมเครือไม่ชัดเจนโดยเฉพาะการลาออกของ 4 รมต. ที่แม้จะยังอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ไม่ได้อยู่ในพรรคแล้ว ซึ่งก็อาจทำให้ข้าราชการเกียร์ว่าง รวมทั้งการประสานงานระหว่างพรรค หน่วยงานอาจมีปัญหา มีความล่าช้า ซึ่งเอกชนก็หารือในที่ประชุมซึ่งทางรองนายกฯ สมคิด ก็ยืนยันว่ายังทำงานอยู่ ส่วนเรืองการปรับครม. นั้น เป็นเรื่องของนายกฯ ซึ่งเอกชนก็ต้องดูต่อไปว่าปรับออกมาเป็นอย่างไร