‘กมธ.ปราบโกง’ ดุเดือด บี้ ‘กกต.-ปส.’ เอาผิด ‘ธรรมนัส’ ปมเอี่ยวคดียาเสพติด-ขาดคุณสมบัติลง ลต.

“กมธ.ปราบโกง” ดุเดือด บี้ “กกต.-ปส.” เอาผิด “ธรรมนัส” ปมเอี่ยวคดียาเสพติด-ขาดคุณสมบัติลงเลือกตั้ง ด้าน “จรุงวิทย์” ยันข้อมูลศาลออสเตรเลียโอเคแล้ว

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) เป็นประธาน ได้เชิญ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) และคณะเข้าชี้แจงกรณีการตรวจสอบคุณสมบัติของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย

โดยนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกรรมาธิการ พยายามจี้ถามตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) ว่า ได้ติดตามรื้อคดีของ ร.อ.ธรรมนัสให้รับโทษในประเทศหรือไม่กรณีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่ง พล.ต.ท.ชินภัทรชี้แจงว่าเป็นคดีเก่าที่จบไปแล้วและไม่ได้อยู่ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง ผบช.ปส. อีกทั้งคดีนี้ไม่ได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศมาให้ข้อมูล ทำให้ไม่มีการหยิบยกคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ ยืนยันว่าคดีนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตำรวจ ปส.ซึ่งการจะขอข้อมูลจากต่างประเทศต้องให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ

ทั้งนี้ นายธีรัจชัยได้สอบถามถึงการจัดทำบัญชียาเสพติด โดย พล.ต.อ.ชินภัทร ยืนยันว่า ไม่ได้มีการทำบัญชีไว้ และไม่มีชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามที่มีกระแสข่าว ส่วนกรณีตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส.ของ ร.อ.ธรรมนัส เมื่อครั้งลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ยืนยันว่าไม่มีการประสานขอให้ตำรวจ ปส. ดำเนินการตรวจสอบสถานะแต่อย่างใด

พล.ต.ท.ชินภัทรกล่าวถึงการทำหน้าที่ของตำรวจ ปส. ปัจจุบันว่าเน้นไปที่การจับกุมเครือข่ายรายใหญ่ เพื่อขยายผลยึดทรัพย์ ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนยาเสพติดรายย่อยเป็นหน้าที่ของตำรวจภูธรดำเนินการจับกุม มีเพียงบางกรณีเท่านั้นที่ร้องขอให้ตำรวจ ปส. เป็นผู้ดำเนินการ ยืนยันว่าตำรวจ ปส. ทำตามอำนาจหน้าที่อย่างดีที่สุด

นอกจากนี้ นายธีรัจชัย ยังได้ถามถึงข้อกฎหมายตามมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ที่ระบุว่าแม้กระทำผิดนอกราชอาณาจักรต้องได้รับโทษในราชอาณาจักรด้วยใช่หรือไม่ ซึ่ง พล.ต.ท.ชินภัทรชี้แจงว่า ไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะต้องขอข้อมูลจากต่างประเทศมาพิจารณา ทำให้ที่ประชุม นำข้อมูลจากศาลออสเตรเลีย มาให้ตำรวจ ปส. ไปพิจารณา เพื่อดำเนินคดีต่อไป

จากนั้นที่ประชุมได้เชิญ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมคณะเข้าชี้แจง กรณีการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของ ร.อ.ธรรมนัสว่า ทาง กกต.ได้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ เหตุใดจึงให้เข้ามาทำหน้าที่ ส.ส. โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ชี้แจงยืนยันว่า กกต. ได้ตรวจสอบคุณสมบัติ ของร.อ.ธรรมนัส เช่นเดียวกับผู้สมัครรับเลือกตั้งรายอื่นนับหมื่นราย โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่งให้ 20 หน่วยงานเพื่อให้ข้อมูลกลับมา แต่ยอมรับว่าไม่ได้รับข้อมูลตอบกลับจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีปัญหาในการตอบกลับข้อมูล แต่ ป.ป.ส.เป็นหนึ่งในคณะกรรมการในการตรวจสอบคุณสมบัติอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันในเอกสาร การสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนนั้น พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ชี้แจงว่า หากพบว่าร.อ.ธรรมนัสขาดคุณสมบัติจริงก็จะมีความผิดตามมาตรา 151 ของกฎหมายเลือกตั้ง ที่ขณะนี้ กกต. กำลังพิจารณาเอาผิด ส.ส.อยู่หลายคน รวมถึงจะมีความผิดฐานแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งเรื่องของ ร.อ.ธรรมนัส ที่กำลังเป็นกระแสข่าวอยู่นี้ ยังไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ ว่ามีข้อเท็จจริงเพียงใด และ กรณียังไม่เข้าสู่การพิจารณาของ กกต. หากกรรมาธิการเห็นว่า ร.อ.ธรรมนัสไม่มีคุณสมบัติหรือมีความผิดจริงก็ขอให้ยืนยันมายัง กกต.เพื่อให้วินิจฉัย ซึ่งหาก กกต.ไต่สวนแล้วเห็นว่ามีความผิด ก็จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

“ส่วนตัวผมเห็นว่าพยานหลักฐานตามที่กรรมาธิการพูดถึงทั้งคำพิพากษาของศาลออสเตรเลียถือว่าโอเคแล้ว” พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว

นายธีรัจชัยได้แจ้งต่อเลขาธิการ กกต.ว่าหลังจากนี้ ทางคณะกรรมาธิการจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งเรื่องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรไปยัง กกต.ให้พิจารณาคุณสมบัติของ ร.อ.ธรรมนัสต่อไป