ผลวิจัยชี้โควิด-19 ทำลายสมอง เผยทำเกิดอาการโรคจิต-เพ้อ-คลั่ง

รอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ว่า ทีมวิจัยทางการแพทย์ด้านระบบประสาท เผยแพร่ผลวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า สมองของผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจนเกิดความเสียหาย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับระบบประสาทหลายอย่างได้ รวมทั้ง เกิดอาการสมองอักเสบ, เกิดอาการโรคจิต และ เพ้อ คลั่ง เป็นต้น

งานวิจัยดังกล่าวเป็นของทีมผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งลอนดอน (ยูซีแอล) ซึ่งศึกษาวิจัยผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 43 ราย ซึ่งเกิดอาการทางระบบประสาทขึ้น ตั้งแต่ อาการสมองทำงานผิดปกติชั่วคราว, ภาวะหลอดเลือดเลี้ยงสมองแตกหรืออุดตัน, ระบบประสาทบางส่วนเสียหาย และ ผู้ป่วยบางรายที่สมองได้รับความเสียหายร้ายแรง

ผลวิจัยครั้งนี้เป็นหลักฐานบ่งชี้เพิ่มเติมต่อเนื่องจากงานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้บางชิ้นที่ระบุเช่นกันว่า ไวรัสก่อโรคโควิด-19 ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมองได้ โดยที่นักประสาทวิทยาและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ระบุว่า แม้ โควิด-19 จะถือว่าเป็นโรคที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบทางเดินหายใจและปอด เป็นหลัก แต่มีหลักฐานบ่งชี้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่า โควิด-19 สามารถส่งผลกระทบต่อสมองซึ่งเป็นเรื่องน่าวิตกอย่างยิ่ง

นายไมเคิล แซนดี นักวิชาการจากสถาบันประสาทวิทยาของยูซีแอล ซึ่งเป็นผู้นำร่วมของทีมวิจัยนี้ แสดงความวิตกว่า มีความเป็นไปได้ที่โควิด-19 จะก่อให้เกิดการระบาดขนานใหญ่ของผู้ที่มีภาวะผิดปกติทางสมองและระบบประสาทขึ้น ทำนองเดียวกับที่ เกิดระลอกของผู้ป่วยที่ได้รับความเสียหายทางสมองจากการแพร่ระบาด เหมือนกรณีผู้ป่วยที่มีภาวะ เอนเซฟาลิทิส ลีธาร์จิกา หรือโรคอีแอล ในช่วงยุคทศวรรษ 1920 และ 1930 หลังเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ของไข้หวัดสเปนในปี 1918 โดยต้องจับตาดูความเป็นไปได้นี้ต่อไป

เอเดรียน โอเวน นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ประเทศแคนาดา ชี้ว่า ที่น่าวิตกก็คือ ตอนนี้เรามีผู้ป่วยโควิดทั่วโลกหลายล้านคน และถ้ามีผู้ป่วยที่หายแล้วราว 10 ล้านคน และคนเหล่านี้ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับการจดจำเข้าใจ ซึ่งจะส่งนอกจากจะผลกระทบต่อกิจกรรมที่ต้องทำในชีวิตประจำวันแล้วยังส่งผลกระทบต่อการทำงานของคนเหล่านั้นอีกด้วย

ในรายงานผลการวิจัยซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ผ่านวารสารวิชาการ เบรน เจอร์นัล ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีผู้ป่วย 9 รายที่เกิดอาการสมองอักเสบในรูปแบบที่หาได้ยาก คือภาวะ สมองและ/หรือไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน ที่เกิดจากระบบภูมิคุ้นกันทำงานผิดปกติ หรือ อะคิวท์ ดิสเซมิเนเตด เอนเซฟาโลไมเอไลทิส (เอดีอีเอ็ม) ซึ่งพบบ่อยในเด็กและมีจุดเริ่มต้นมาจากการได้รับเชื้อไวรัส แต่ในผู้ใหญ่พบได้เพียง 1 รายต่อเดือน แต่ในช่วงของการแพร่ระบาดกลับพบมากขึ้นถึง 1 รายต่อสัปดาห์เป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นระดับการเพิ่มที่น่าวิตกอย่างยิ่ง

รอสส์ ปีเตอร์สัน หัวหน้าทีมวิจัยร่วมของยูซีแอล ยอมรับว่าโควิด-19 เพิ่งปรากฏขึ้นเพียงไม่กี่เดือน ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันจะก่อให้เกิดความเสียหายในระยะยาวได้อย่างไร และเรียกร้องให้แพทย์ผู้รักษาผู้ป่วยโควิดตระหนักว่า โรคนี้ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทได้และยิ่งได้รับการวินิจฉัยพบได้เร็วเท่าใดการรักษาก็จะยิ่งได้ผลดีมากขึ้นเท่านั้น

นายโอเวน ชี้ว่า ข้อบ่งชี้ที่ปรากฏเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี้ตอกย้ำถึงความสำคัญที่จะต้องมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้อย่างใหญ่โตและละเอียด รวมทั้งการเก็บรวบรวมข้อมูลในระดับโลกเพื่อประเมินว่า ภาวะแทรกซ้อนทางจิตประสาทดังกล่าวนี้พบได้เป็นการทั่วไปมากน้อยเพียงใด โดยนายโอเวนเอง เริ่มต้นดำเนินการทดสอบ ค็อกนิชัน เทสต์ ผ่านเว็บไซต์ เพื่อดูว่า สมองของผู้ที่สมัครใจเข้ารับการทดสอบทำหน้าที่เป็นปกติหรือไม่อย่างไร