‘อัครเดช’ ห่วง รธน.ห้ามแปรญัตติงบ 64 ส่งผลโยกเงินช่วยโควิดยาก ลั่นตัดแน่โครงการไม่จำเป็น

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 กล่าวถึงแนวทางในการพิจารณาแปรญัตติงบประมาณในชั้น กมธ. ว่าส่วนตัวตั้งใจจะพิจารณาปรับลดงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด ทั้งในส่วนของงบลงทุนที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การจัดซื้ออาวุธของกองทัพ เป็นต้น ที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยจะพยายามปรับลดงบให้มากที่สุดเพื่อนำเงินจากงบประมาณปี 2564 มาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดที่รัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามาดูแล ทั้งภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ และกลุ่มคนตกงานด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นผลกระทบที่หนักมากจากสถานการณ์ในขณะนี้ ที่ยังไม่สามารถเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้ จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการกระตุ้นกำลังซื้อ และการจ้างงานในประเทศ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเมื่อ กมธ.เริ่มทำงาน จะมีการตั้งเป้าหมายในการปรับลดงบประมาณร่วมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นเห็นตรงกันว่า งบอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์กับสถานการณ์ต้องตัดทิ้ง

“ตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องไหนต้องตัดเอาออกมาใช้ก่อน โดยจะมีการนำโครงการที่ได้รับอนุมัติจากงบฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมวงเงิน 4 แสนล้านบาท ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท มาใช้เป็นตัวตั้งในการพิจารณาดูว่าได้มีการอนุมัติอะไรไปแล้วบ้าง เพื่อนำมาพิจารณาเชื่อมโยงกับงบประมาณปี 2564 ในการปรับลดหรือจะเพิ่มในส่วนไหน ป้องกันไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกันของการใช้งบประมาณ” นายอัครเดชกล่าว และว่า ยืนยันว่าการปรับลดงบประมาณเป็นอำนาจของ กมธ. แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้วางกฎห้ามไม่ให้ ส.ส.แปรญัตติ จึงทำให้งบประมาณที่ถูกตัดมากองไว้ อาจจะไม่สามารถนำไปใช้เพื่อเยียวยาสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ โดยในการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาลครั้งล่าสุด ได้มี ส.ส.หลายคนได้แสดงความเป็นห่วง โดยได้เสนอช่องทางนำงบประมาณที่ปรับลดมาใช้เยียวยาโควิดให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ อาจจะตั้งเป็นโครงการกลางที่ไม่เกี่ยวกับกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ขึ้นมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องดังกล่าวยังไม่เป็นที่ยุติและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาวิธีกันต่อไป ทั้ง ครม. สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำงบประมาณไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ