ฝ่ายค้านพุ่งเป้าชำแหละงบฯกองทัพ ก้าวไกลลั่นจัดลำดับใหม่ ลุยหั่นงบกลาโหม 1.1 หมื่นล้าน เพิ่มให้บัตรทอง

ฝ่ายค้านพุ่งเป้าชำแหละงบฯกองทัพ ก้าวไกลลั่นจัดลำดับใหม่ ลุยหั่นงบกลาโหม 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มให้บัตรทอง


ชำแหละงบ –
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ในวาระแรกและตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณฯ จำนวน 72คนโดยจะมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 8 กรกฎาคม นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ถึงแนวทางในการพิจารณาแปรญัตติงบประมาณในชั้น กมธ.ว่า จะพุ่งเป้าตรวจสอบงบประมาณของกองทัพในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะเรือดำน้ำจากจีน 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท ที่ในความเห็นตนจำเป็นต้องตัดทิ้งอย่างเดียว เพราะที่ผ่านมาซื้อมาแล้ว 1 ลำ อยู่ระหว่างการต่อ และจะเสร็จส่งมอบในปี 2566 โดยเวลานี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องจัดซื้อเพิ่ม ควรนำเงินในส่วนนี้มาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาปากท้อง กำลังล้มละลายจากวิกฤตโควิดจะดีกว่า เพราะขณะนี้เงินเยียวยาเพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มคนต่างๆ ก็ให้ไม่ทั่วถึง รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่าไม่มีเงินพอที่จะช่วยเหลือทุกคนได้ แต่สงสัยว่าเมื่อไม่มีเงิน และที่สำคัญรัฐบาลยังกู้เงินมาใช้จ่ายจนหนี้สาธารณะกำลังจะชนเพดานกู้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว แต่ทำไมยังจะเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำ จึงอยากถามใจ พล.อ.ประยุทธ์ว่าทำไมถึงไม่คิดถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน หัวใจท่านทำด้วยอะไร คิดแต่จะซื้อเรือดำน้ำให้ได้อีก 2 ลำ

ฮึ่มไม่สนวิกฤต-ลุยเปิดซักฟอก

“ระหว่างคนกำลังจะเดือดร้อนอดตายจากพิษเศรษฐกิจ กับยุทธศาสตร์ทางทะเลที่ท่านอ้างมา สิ่งไหนมันสำคัญกว่ากัน วันนี้ถ้ารัฐบาลมีเงิน ไม่มีปัญหาโควิด ผมไม่ขัดข้องอยู่แล้ว แต่วันนี้รัฐบาลจะกู้อีกไม่ได้แล้ว ทำไมถึงยังต้องซื้อเรือดำน้ำ ผมยืนยันว่าจะมุ่งเรื่องตรวจสอบงบของกองทัพ โดยเฉพาะเรือดำน้ำ 2 ลำ ยังไงต้องไม่ซื้อ นายกฯเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย ถ้ายังดึงดันที่จะซื้อ ใช้เสียงข้างมากให้มันผ่านไปได้สำเร็จ ฝ่ายค้านก็จะเก็บเรื่องนี้ไว้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไป เพราะถือเป็นเรื่องบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาดร้ายแรง วันนี้นายกฯสิงคโปร์บริหารผิดพลาดกรณีโควิดก็แสดงสปิริตลาออก เช่นเดียวกับนายกฯฝรั่งเศสก็ประกาศลาออก นายกฯไทย ไม่แสดงความรับผิดชอบ แต่ยังจะเดินหน้าใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่เข้ากับสถานการณ์วิกฤตอีก ฝ่ายค้านจำก็เป็นต้องยกระดับของมาตรการในการตรวจสอบเช่นกัน” นายยุทธพงศ์กล่าว

ศิริกัญญาลั่นจัดลำดับงบ64ใหม่

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบ ว่า เมื่อร่าง พ.ร.บ.งบ 2564 เข้าสู่ชั้น กมธ.ก็คงจะไม่มีการแบ่งฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ทั้งนี้ ส.ส.ร่วมกันวิเคราะห์และวิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.งบด้วยเช่นกัน ยังจึงมีโอกาสที่จะแก้ไข เมื่อร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณ พ.ศ.2563 ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก็จะมีการปรับตัวเลขงบประมาณครั้งใหญ่ เพราะร่าง พ.ร.บ.งบ 64 ยังไม่ได้สะท้อนการปรับโอนงบประมาณ เช่นโครงการซื้อเรือดำน้ำ ที่ถูกตัดโครงการทิ้งไปเมื่อปี 2563 แต่เมื่อมาพิจารณาใน ร่าง พ.ร.บ.งบ 64 กลับมีการดำเนินการจ่ายเงินในงวดที่ 2 ดังนั้น จึงต้องมีการแก้ไขและปรับปรุง หน้าที่ต่อมาของ กมธ. คือ การจัดลำดับความสำคัญใหม่ว่าโครงการไหนที่ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำในช่วงเวลานี้ คือไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหรือทำให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งอาจจะตัดออกทั้งโครงการ

ขอเพิ่มให้งบบัตรทอง

“โครงการที่เขียนจุดประสงค์ไว้กว้างๆ อาจจะต้องปรับปรุงจุดประสงค์และตัวชี้วัดให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนนี้อาจจะทำได้ยากแต่ก็จะเสนอไปที่หน่วยงานราชการต่างๆ ให้ปรับปรุงเป้าหมายและตัวชี้วัด เช่น โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้รายได้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นให้มีผู้ประกอบการที่ได้รับการเยียวยาเพิ่มขึ้น จากนั้นในช่วงแปรญัตติเรายังพอมีโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีความสำคัญ และควรได้รับงบประมาณเพิ่มส่งคำของบประมาณเข้ามา และจะใช้กลไกใน กมธ. เพื่อโหวตนำโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเข้ามา เช่น งบบัตรทอง ที่ต้องรองรับคนตกงานและว่างงานที่จะไม่ได้สิทธิในการใช้ประกันสังคม หรือเด็กที่ต้องได้รับความช่วยเหลือต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองมีรายได้ลดลง เพื่อให้เด็กเรานี้ได้กลับเข้าสู่ระบบอีกครั้งหนึ่ง และจัดงบช่วยเหลือให้พ่อแม่อีกต่อหนึ่ง” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

ตั้งเป้าหั่นกห.1.1หมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการตัดงบประมาณในกระทรวงหรือหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็น เช่น กระทรวงกลาโหม น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ตอนที่ดูโครงการในรอบแรกแล้วตั้งเป้าไว้ว่าจะตัดงบของกระทรวงกลาโหม 11,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องให้โอกาสทางหน่วยงานได้เข้ามาชี้แจงเหตุผลว่าโครงการเหล่านี้ยังมีความจำเป็นเพียงใด ด้วยสถานการณ์แบบนี้จะต้องเปลี่ยนวิธีการคิดแบบใหม่ที่อาจจะต้องลดดีกรีการเตรียมความพร้อมความมั่นคงทางการทหารลง และเพิ่มดีกรีความพร้อมทางสาธารณสุขแทน จะใช้ชุดเหตุผลนี้เพื่อโน้มน้าวสมาชิก กมธ.คนอื่น ให้เห็นด้วยและโหวตตัดงบกลาโหมและ กอ.รมน.ให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม