“อนุทิน” แจง ไทยยังไม่เปิดเป็นฮับรับผู้ป่วยต่างชาติ ย้ำ สธ.หนุนเต็มที่วิจัยวัคซีน

“อนุทิน” แจง ไทยยังไม่เปิดเป็นฮับรับผู้ป่วยต่างชาติ ย้ำ สธ.อำนวยความสะดวกผลิตวัคซีนทุกอย่าง หากสำเร็จคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการนำเสนอร่างการจัดการข้อปฏิบัติเรื่องการนำเอาผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลไทย ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ว่า คิดว่าในส่วนนี้เป็นในเรื่องของนโยบาย คาดว่าจะนำเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในต่างประเทศมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น หลายประเทศได้เปลี่ยนมาตรการในการรับมือ เช่น จีนและญี่ปุ่น ได้ขยายระยะเวลาในการกักตัว หากเราจะทำมาตรการรองรับผู้เดินทางท่องเที่ยวจากต่างประเทศในวงจำกัด หรือ ทราเวลบับเบิลกับประเทศใด จะต้องยอมรับกติกาของทั้งสองฝ่าย ส่วนประเทศที่ยังมีการระบาดหนักอยู่เรายังไม่สามารรถเจรจาอะไรได้ นี่คือ ความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่จะนำเสนอในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ต่อไป ส่วนนักท่องเที่ยวที่มีอาการป่วยและต้องการเข้ามารักษาในประเทศไทยจะต้องดูเป็นกรณีๆ ไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีผู้ป่วยขอเข้ามารักษาตัวแล้วใช่หรือไม่ เพราะขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนกว่า 1,700 คน นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี เราต้องดูก่อนว่าผู้ป่วยมีข้อตกลงอย่างไร ต้องดูว่าคนนั้นมาจากประเทศใด มีผู้ติดตามมาหรือไม่ จะต้องมีการกักตัวอย่างไร ตนขอเวลาหารือกับกรมควบคุมโรคก่อนว่าจะอนุญาตอย่างไร เพราะขณะนี้มีการระบาดในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ไทยได้ผ่อนคลายมาตรการหลายอย่าง เราจึงต้องใช้เวลาเพื่อดูความปลอดภัยของคนในประเทศก่อน

เมื่อถามถึงการผ่อนคลายในระยะที่ 6 นายอนุทิน กล่าวว่า ในระยะที่ 5 เรามีการผ่อนคลายเกือบจะทุกกิจการและกิจกรรมแล้ว ในระยะที่ 6 คงเป็นการผ่อนคลายในกิจการและกิจกรรมที่ยังไม่ได้เปิด เช่น กีฬา อย่างไรก็ตาม ต้องประเมินผลการผ่อนคลายในระยะที่ 5 ก่อน วันนี้เข้าวันที่ 3 แล้วถือว่ายังควบคุมได้ดีอยู่ ทั้งนี้ ต้องติดตามระยะเวลาการฟักตัวประมาณ 2 สัปดาห์

เมื่อถามถึงการแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อ นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนนี้รออธิบดีกรมควบคุมโรคเสนอรายละเอียดขึ้นมาก่อน โดยอาจจะพิจารณาอุปสรรคของการใช้กฎหมายว่ามีส่วนไหนต้องปรับปรุงแก้ไข

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนโควิด-19 นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้กำลังพัฒนาไปตามขั้นตอนของสถาบันที่กำลังค้นคว้าวิจัย เบื้องต้นทราบว่าผลของการทดลองในแต่ละครั้งดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะทดลองกับหนู เพียงแต่ยังไม่ถูกนำมาทดลองในมนุษย์ ขณะที่การทดลองในลิงก็ยังไม่ดีเท่ากับทดลองในหนู ซึ่งต้องกลับไปแก้ไขการผลิตวัคซีน ไม่ใช่ดูแค่ผลว่าดีหรือไม่ แต่ภูมิคุ้มกันต้องอยู่ได้นานด้วย อย่างไรก็ตาม สธ.จะให้ความร่วมมือการผลิตวัคซีนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะงบประมาณ เราจะเร่งรัดอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้เกิดการรับรองและตรวจสอบผลอย่างเร็วที่สุด ถือเป็นภารกิจเร่งด่วน เพราะหากเราสามารถผลิตวัคซีนได้มันจะคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการควบคุมการใช้งบประมาณไม่ให้มีการรั่วไหลหรือใช้สุรุ่ยสุร่าย