“จิรายุ” ซัดครม.แจงงบฯ64 ไม่เคลียร์ ลากประเทศเข้าเร้ดโซน เตือนขรก.เตรียมตัวตกงาน

วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ที่อาคารรัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ สส.กทม.กล่าวถึงการอภิปรายงบประมาณปี 64 ว่า การชี้แจงของรัฐมนตรีโดยเฉพาะกระทรวงการคลังที่มีกลุ่ม 4 กุมาร อยู่นั้นดูเหมือนจะตอบแบบไม่มีกระจิตกระใจในการทำงาน ทำให้น่าเป็นห่วงว่าอาจทำให้ประเทศไทย ถูกกดคันเร่งเข้าสู่เรดโซนได้ เพราะดูแล้วรัฐบาลทำงบฯแบบฝันหวาน เตรียมจะนอนบังคับตัวเองให้ฝันดี ทั้งๆที่ไม่สามารถกำหนดฝันได้เพราะปัจจัยลบเต็มไปหมด
นอกจากนี้จากการอภิปรายของ ฝ่ายค้านที่ทำการบ้านร่วมกันมาเป็นอย่างดี เจาะตรงเป้า เข้าทุกดอก ตอกทุกประเด็น แต่รัฐมนตรีหลายคนก็ตอบแบบ เลี่ยงบาลี เรียกว่าตอบแบบเสียไม่ได้ตอบแบบ รักษากระทรวงของตนเองไว้ โดยเฉพาะรัฐมนตรีพรรคร่วมเห็นได้ชัดว่า ไม่ใส่ใจภาพรวมการจัดทำงบประมาณ ไม่ช่วยอธิบายแทนนายกรัฐมนตรีที่โดนจัดเต็มอยู่คนเดียว

งบฯ64 ฟางเส้นสุดท้ายหากไม่เวิกค์IMF อาจได้ลูกค้าไทยแลนด์

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า 7 ปีมานี้ทำให้เห็นความอันตรายของการจัดทำงบประมาณ ซึ่งถือว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายของประเทศ เพราะหากจัดทำแบบสุรุ่ยสุร่ายชุดความคิดเดิมๆ เติมขึ้นมาคือเอื้อพรรคพวก แถมไม่ ดูตาม้า ตาเรือ ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศที่สุ่มเสี่ยงอยู่แล้ว ล้มครืนถึงขั้นล้มละลายได้และอาจต้องใช้บริการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF ได้

วันนี้ฝ่ายค้านเป็นห่วงแนวคิด และฝีมือบริหารประเทศ ที่ยังไม่เห็นน้ำยาในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลมากว่า 7 ปี ตนขอเตือนประชาชนว่าปี 2564 ถึง 2565 จะเป็นช่วงที่น่าจับตา และต้องประครองตนเองอย่างยิ่ง เพราะจากการกู้เงินของรัฐบาลจะมีสูงถึง 58% ไปแล้วซึ่งเหลืออีกเพียง 2% ก็จะเต็มวงเงินในการกู้ และยิ่งเห็นการจะทำงบประมาณซึ่งไม่ได้สนับสนุนเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจนักในปีนี้ และปีต่อไปก็จะทำให้รัฐบาลไม่สามารถกู้เงินได้อีกต่อไป
“น่าตกใจมาก นายก 28 คนตั้งแต่สยามประเทศ ปี 2475 มาจนปี 2557 ไม่รู้กี่รัฐบาล กู้เงินรวมกันแค่ 2.295 ลล.บาท แต่พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี คนนี้คนเดียวจัดเต็ม กู้มากกว่า นายกฯ 28คนถึง 3.825 ลล.บ.”

เตือนรับมือ สึนามิ ศก.คล้ายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อาจเกิดการ ”ดุลข้าราชการ”

นายจิรายุ ยังกล่าวอีกว่ายิ่งสภาพัฒนฯ ระบุในเล่มงบ ว่า เศรษฐกิจที่รัฐบาลคาดการณ์ปี64จะโตประมาณ 5% นั้นยังมีความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงสูง เป็นการประเมินเข้าข้างตัวเองเกินไป แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย กลับออกมาเตือนอีกทางว่า อาจจะติดลบถึง -8.1% เสียด้วยซ้ำ ตนต้องรีบบอกพี่น้องประชาชนว่าอย่าได้นิ่งนอนใจ เตรียมตัวรับมือ ให้ดีเพราะอาจจะเกิดสึนามิ ทางเศรษฐกิจอาจคล้ายกับหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเฉพาะข้าราชการทั้งประเทศ อาจ ตกงานกว่าครึ่ง เพราะมีตัวอย่างแล้วในช่วงที่ประเทศไม่มีเงินและไม่สามารถกู้ได้ ต้องลดรายจ่ายประจำ ในยุคนั้นก็จะใช้ ”ดุลข้าราชการ” นั่นก็คือการเลิกจ้าง ลดองค์กรของรัฐ ทหารลดกำลังพล

เพราะหากปี 64-65 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และยังจัดทำงบประมาณ แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ประเภทขอ “นอนก่อน..ฉันจะขอฝันดี” ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ นอกจากจะขาดดุลงบประมาณแล้ว ก็จะไม่สามารถกู้ได้อีกแล้ว ก็จะต้องไปลดงบประมาณรายจ่ายเพื่อให้เป็นไปตามกรอบ วินัยการเงินการคลังที่ต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อการลงทุนไม่น้อยกว่า 20% เพราะฉะนั้นอยากให้ นายกรัฐมนตรีฟังประชาชนบ้างวันนี้ ชาวบ้านพูดกันเป็นเสียงเดียวกันแล้วว่า “วันนี้ผู้ติดเชื้อไม่มี แต่ผู้เป็นหนี้ มีเต็มบ้านเต็มเมือง”

“เพราะฉะนั้นไม่แปลก ที่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ที่ได้รับฉายา #นักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา #บิดาแห่งความเหลื่อมล้ำ #ผู้นำการก่อหนี้ และยังเป็นผู้จัดงาน มหกรรมก่อหนี้แห่งชาติ ด้วยงบประมาณ2564 นี้อีก” นายจิรายุ กล่าว