บิ๊กตู่ โต้ ส.ส.ก้าวไกล ถล่มกองทัพซื้ออาวุธ ยัน จำเป็น เพื่อความปลอดภัยลูกหลาน

“พิจารณ์” ส.ส.ก้าวไกล ลุกถล่ม กองทัพ ราชาเงินผ่อน ตั้งงบลวงพรางซื้ออาวุธ ด้าน “บิ๊กตู่”​ ลุกยัน จำเป็น เพื่อความปลอดภัยลูกหลาน

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วงเงินไม่เกิน 3.3 ล้านล้านบาท ในวาระแรก ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอเรียกงบประมาณรายจ่ายปี 2564 ของกระทรวงกลาโหมว่า งบลวงพราง เพราะ 1.ลวงว่า ลดแต่ไม่ได้ลด ปีนี้กระทรวงกลาโหมได้งบ 223,000 ล้านบาท ดูเผินๆดูเหมือนได้รับงบลดลง 8,200ล้านบาท อีกทั้งพ.ร.บ.โอนงบประมาณปี2563 กระทรวงกลาโหมยังโอนงบคืนไป 17,700ล้านบาท แต่ปรากฏว่า งบประมาณปี 2564 กระทรวงกลาโหมได้งบที่ถูกโอนไปคืนมา 1 หมื่นล้านบาท มี 6 โครงการซื้ออาวุธที่ถูกตัดออกไปแล้ว กลับไปอยู่ในงบประมาณปี 2564 เช่น โครงการเรือดำน้ำ การซื้อเครื่องบินกองทัพอากาศ 2.อำพรางงบผูกพัน มีการก่องบผูกพันมากมายมหาศาล เป็นราชาเงินผ่อน กระทรวงกลาโหมมีภาระต้องจ่ายงบประมาณผูกพันทุกโครงการสูงถึง 173,144ล้านบาท เป็นความเสี่ยงทางการคลังที่ต้องพึงระวัง รัฐบาลใดเข้ามาก็ต้องจ่าย โดย 22 โครงการเป็นงบผูกพันซื้ออาวุธ เกือบ 4,400 ล้านบาท และโครงการสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน 1,000 กว่าล้านบาท เหตุใดไม่ชะลอไปก่อน คิดได้อย่างเดียวคือ เค้กก้อนนี้แบ่งกันกินเรียบร้อยแล้ว ยกเลิกไม่ได้ 3.ธุรกิจอำพราง อาทิ รายได้จากสนามกอล์ฟ สนามมวย โรงแรม ปั้มน้ำมัน สนามม้า เชื่อว่าธุรกิจเหล่านี้ ไม่มีการใส่เข้ามาในเงินนอกงบประมาณของกองทัพ ไม่มีการนำส่งคืนคลัง ควรนำธุรกิจเหล่านี้มาอยู่บนโต๊ะ ให้โปร่งใส ถ้าไม่เปิดเผยแสดงว่า เป็นธุรกิจผิดกฎหมายที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า ในเรื่องของการผูกพันงบประมาณข้ามปี ตนได้ตรวจสอบก้บสำนักงบประมาณก็ยังเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทุกประการ ในส่วนของงบผูกพันข้ามปีที่สะสมกันมา เนื่องจากว่า การจัดซื้อยุทโธปกรณ์นั้น ต้องใช้เวลาในการผลิต ผ่อนชำระ และมีราคาแพง โดยที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ใหม่ๆเลย ทำให้ปัจจุบันมียุทโธปกรณ์เก่าประมาณ 70-80% ส่วนที่จัดหาทดแทน ก็เพื่อไม่ต้องเสียค่าซ่อมบำรุง ซึ่งนับวันจะใช้ไม่ได้ เพราะภารกิจของเรา คือป้องกันอธิปไตยตามแนวชายแดน แม้จะเกิดหรือไม่เกิดขึ้น แต่เราต้องเตรียมความพร้อม ทั้งกำลังและยุทโธปกรณ์ และที่สำคัญวันนี้เทคโนโลยีต่างๆก้าวไกล ยุทโธปกรณ์ที่ไม่ทันสมัยอาจจะเป็นปัญหากับเราต่อไปในอนาคต ส่วนการบรรจุข้าราชการทหารในปัจจุบันมียอดแค่ 1 ใน 3 ตามหลักการที่เรามีควรมี เพราะเราเห็นความสำคัญในการขาดแคลนงบประมาณของประเทศ

“การจัดซื้อยุทโปกรณ์นั้นไม่ใช่ว่า สั่งวันนี้แล้วได้เดือนหน้า ไม่ใช่ เพราะต้องไปประกอบการผลิตใหม่ขึ้นมา ไม่ได้สร้างไว้รองรับขายหน้าร้าน มันทำไม่ได้ ขอให้เข้าใจด้วย ส่วนภารกิจสำคัญนอกจากการป้องกันชายแดนที่ใช้คนไปประจำตามชายแดนทั่วประเทศหลายหมื่นคนแต่ละวัน แต่ละคืน ทำให้การแก้ปัญหาตามแนวชายแดนสามารถยุติความรุนแรงได้มากพอสมควรไม่ว่า จะเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ใดๆก็ตาม ในส่วนของพันธกิจที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเราต้องคบค้าสมาคม มีความร่วมมือด้านความมั่นคงกับอนุภูมิภาค ภูมิภาคและโลก ภารกิจที่สำคัญอีกประการคือ การสนับสนุนองค์การสหประชาชาติ รัฐบาลเข้าใจความห่วงใยของสมาชิก ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย จะทำให้ดีที่สุด ขอความเข้าใจกันบ้าง หลายคนลูกหลานก็เป็นหทารกันทั้งสิ้น ก็คงต้องห่วงใยเขา ถ้าเราไม่มียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยป้องกันตัวเองได้ ในขณะที่อาวุธต่างๆ ร้ายแรงมากก็อาจทำให้เกิดความสูญเสียของลูกหลานของพวกเราได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว