‘ณัฏฐพล’ เผยไม่ใช่เรื่องง่ายหลังเลิกจ้าง 961 พนักงาน อค. ชี้จะปล่อยให้องค์กรมีหนี้สินไม่ได้

‘ณัฏฐพล’ เผยไม่ใช่เรื่องง่ายหลังเลิกจ้าง 961 พนักงาน อค. ชี้จะปล่อยให้องค์กรมีหนี้สินไม่ได้

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยกรณีกรณีที่องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) มีคำสั่งเลิกจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าของ สกสค. จำนวน 961 คน จากพนักงานทั้งหมด 1,035 คน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 เนื่องจากประสบภาวะขาดทุนมาตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี มาทำให้มีหนี้สะสมประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท ว่า การตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานองค์การค้า เป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการ สกสค. ซึ่งการตัดสินใจเลิกจ้างครั้งนี้ ไม่ได้มาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 แต่เป็นการประเมินถึงความเหมาะสมในการทำธุรกิจ และหลังจากที่ตนได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.มาเกือบ 1 ปี ตนเห็นการบริหารจัดการขององค์กรที่อยู่ภายใต้กำกับของ ศธ. จึงทำให้สามารถตัดสินใจได้ว่าจากการสถานการณ์ทางธุรกิจที่มีการดิสรัปชั่นในปัจจุบัน ควรจะบริหารอย่างไรต่อ ซึ่งองค์การค้า เป็นองค์กรที่มีการขาดทุนอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆมาร่วมตัดสินใจ เพื่อหาโอกาสที่จะพลิกธรุกิจนี้กลับขึ้นมา

“การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เสียใจกับผู้ได้รับผลกระทบ แต่ผมมั่นใจว่าในการเดินไปข้างหน้า ศธ.ต้องรักษาองค์กรใหญ่ไว้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกระเทือนในวงกว้าง กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ได้เรียนนายกรัฐมนตรีให้ทราบแล้ว ส่วนการดำเนินการแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การค้า คนใหม่เพื่อมาสานงานต่อนั้น จะดำเนินการตามกฎระเบียบและกฎหมายต่อไป ส่วนแนวทางที่จะเดินหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น ผู้อำนวยการองค์การค้าคนใหม่ต้องเสนอแผนงานภายใน 30 วัน ว่าจะเดินหน้าองค์การค้าในรูปแบบไหน ซึ่งศธ.จะช่วยเหลือองค์การค้าในการปรับตัว เพื่อทำให้องค์การค้ากลับคืนมาเป็นองค์กรที่มีกำไรได้ ” นายณัฏฐพล กล่าว

นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า ส่วนการเลิกจ้างก็จะมีการชดเชยตามกฎหมาย ทั้งนี้ตนไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่ยังไม่ได้เข้าไปดูในเนื้อหาสาระรายละเอียด เรื่องนี้มีที่มาที่ไปในการตัดสินใจ ตนยืนยันว่าการตัดสินใจของคณะกรรมการสกสค. เป็นการตัดสินใจเพื่อรักษาองค์กรให้อยู่รอด ซึ่งมีทั้งผู้ที่ได้รับผลประโยชน์และเสียประโยชน์จำนวนมาก

“เรื่องหนี้สิน เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะเราไม่สามารถปล่อยให้องค์กรมีหนี้สินต่อเนื่องทุกปีและไม่มีศักยภาพในการชำระหนี้ ผมยืนยันว่าเมื่อเราก่อหนี้ขึ้นมา เราต้องมีความรับผิดชอบ ต้องมีความพร้อมที่จะดูแลหนี้สินที่กู้ยืมมา ซึ่ง ศธ.มีแผนงานในการชำระหนี้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นแนวทางที่จะทำให้องค์กรอยู่รอด และมีโอกาสสร้างกำไรของตนเอง เรื่องนี้จะต้องวางแผนระยะยาวและใช้เวลาในการดำเนินการ ซึ่งจะไม่มีการยุบองค์การค้า เพราะขณะนี้ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่” นายณัฏฐพล กล่าว

นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า หากมีการฟ้องร้อง ถือเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล แต่ในครั้งนี้ ศธ.มั่นใจในการตัดสินใจของคณะกรรมการ สกสค. ตนไม่กังวลเรื่องของการต่อสู้คดี แต่คิดว่าถ้าหากเรามีความตั้งใจในการร่วมกันแก้ไขปัญหาครั้งนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ถ้ามีการฟ้องร้อง ตนก็พร้อม ไม่มีปัญหาอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้พนักงานเหลือเพียง 74 คน และในจำนวนนี้มีกว่า 50 ราย ที่จะเกษียณอายุในปีนี้ จะวางแผนขับเคลื่อนงานอย่างไร นายณัฏฐพล กล่าวว่า ในการขับเคลื่อนองค์กร ต้องใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมากที่สุด แม้ว่าบุคคลเหล่านี้กำลังจะเกษียณ แต่เชื่อว่าสามารถทำงานเชื่อมกับผู้อำนวยการองค์การค้าคนใหม่ ในการที่จะวางแผนการทำงานในอนาคต และศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต เพื่อวางแผนการขับเคลื่อนงานด้านดิจิทัล ซึ่งจะทำให้องค์กรขับเคลื่อนไปสู่ศตวรรษที่ 21