พิชาย ชี้ ภาวะแย่งอำนาจอย่างหนักในพปชร.-ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเกินพอดี คือจุดเสื่อมรัฐบาล

อ.นิด้า ชี้ ภาวะแย่งอำนาจอย่างหนักในพปชร.-ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเกินพอดี คือจุดเสื่อมรัฐบาล ภาวะเช่นนี้ ไม่ส่งเสริมให้รัฐบาลอยู่ได้นาน

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อดีตคณะบดีพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) โพสต์ข้อความแสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาในรัฐบาลขณะนี้ โดยระบุว่า

ความขัดแย้งระหว่างแกนนำพรรคพลังประชารัฐกับกลุ่มนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น ด้วยต่างฝ่ายต่างออกมาตอบโต้อย่างรุนแรงราวกับไม่ใช่อยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน

การวิวาทะอย่างไม่ยำเกรง ข้ามศีรษะ ผู้นำรัฐบาล สะท้อนว่าอำนาจบารมีของผู้นำรัฐบาลหาได้เข้มข้นดังในอดีตแล้ว

ช่วงเดือนที่แล้วคะแนนนิยมที่เพิ่มจากการรับมือโควิดได้ ก็มลายหายไปด้วยความไร้ความสามารถในการจัดการความขัดแย้งในพรรครัฐบาล

และยิ่งตกลงไปอีกเมื่อยืดอายุ พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของ พ.ร.ก. ฉุกเฉินแบบเกินพอดี ไม่สมเหตุสมผล และไม่สมจริง จนประชาชนคลางแคลงใจว่าอำนาจใช้เพื่อป้องกันโควิด หรือ เพื่ออะไรกันแน่

ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็กำลังลงเหว ประชาชนกำลังล้มละลาย ตกงาน และยืนอยู่บนขอบประตูแห่งความอดอยาก

แต่แกนนำพรรครัฐบาลกลับมุ่งมั่นต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกันจนฝุ่นตลบ

ขณะที่ผู้นำรัฐบาลนั่งดูตาปริบๆ ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากไร้น้ำยาในการสยบความขัดแย้ง

นายกรัฐมนตรียามนี้ดูเหมือนว่าพูดอะไรก็ไม่มีใครในพรรคร่วมรัฐบาลฟัง บอกอะไรก็ไม่มีใครในพรรคพลังประชารัฐเชื่อ สั่งอะไรก็ไม่ได้ดังใจ

ภาวะแบบนี้ ดูท่ารัฐบาลคงอยู่ได้ไม่นาน