“เพื่อไทย”เสวนาเงินประกันสังคม ยันพร้อมรับมือรบ. ดันพิมพ์เขียว 11 ข้อ แก้ประกันสังคม

“เพื่อไทย” เสวนา “เงินประกันสังคม… เงินเขา… ใครควรได้ประโยชน์” ดัน พิมพ์เขียว 11 ข้อที่ประกันสังคมชงแก้ ลั่น พท.พร้อมร่วมกับรบ.เพื่อแก้ไข

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการจัดเสวนาหัวข้อ “เงินประกันสังคม… เงินเขา… ใครควรได้ประโยชน์” โดยมีวิทยากร ประกอบด้วย นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทยและประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (ศปค.) และนพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ร่วมเสวนา

นพ.สุรเดช กล่าวว่า ข้อสงสัยที่ทุกคนคงสงสัย เงินในระบบประกันสังคม 2.1ล้านล้านบาท ยังอยู่ครบหรือไม่ ขอยืนยันว่า ยังอยู่ครบ และเพื่อไม่ให้เงินอยู่เฉยๆที่จะทำให้ด้อยค่าลง จึงมีการนำเงินไปลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ อาทิ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกัน นำไปลงทุนประมาณ 68 เปอร์เซ็นต์ และได้นำไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่านี้เช่นกัน อาทิ ลงทุนในหุ้นแต่เป็นหุ้นที่มีธรรมาภิบาล ถูกจัดอยู่ในอันดับ AAA ขึ้นไป อีกประมาณ 12เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้นำเงินไปซื้อหุ้นการบินไทย นอกจากนี้ยังได้นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยง

ส่วนเงินที่จะมาจ่ายให้ผู้ประกันตน 1.6แสนล้าน ที่อาจมีคนสงสัยทำไมจ่ายแค่นี้ เพราะเงินมี 2.1ล้านล้านบาท ต้องบอกว่า เงิน1.6แสนล้าน ที่จะนำมาจ่ายเป็นเฉพาะในส่วนของผู้ที่ว่างงานเท่านั้น ที่มีการตั้งข้อสังเกตกระแสเงินมีเพียง 8หมื่นล้านบาทเท่านั้น ขอยืนยันว่า มีเพียงพอ ตอนนี้มีคนมาเบิก 1.5ล้านคน วงเงินประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท ก็ได้จ่ายให้ทุกคน ซึ่งในเรื่องจำนวนเงิน มีเพียงพอจ่าย และประเด็นที่สงสัยประกันสังคมถึงจ่ายเงินล่าช้า ตามระเบียบมีการนำค่าจ้างมาเฉลี่ย และกฎหมายระบุให้เริ่มจ่ายในวันที่8นับจากวันว่างงาน และยังระบุว่า หยุดกี่วันให้จ่ายเท่านั้น ในกรณีถ้าว่างงานออกมาเลยให้จ่ายได้200วัน แต่ตามกฎหมาย ยังระบุอีกว่า ไม่สามารถจ่ายทีเดียวได้ทั้งหมด เพราะต้องจ่ายเท่าที่ว่างงานจริง เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายข้อเสนอที่จะมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อคลายวิกฤตให้ประชาชน คงต้องไปว่ากันอีกครั้งหนึ่ง อีกเรื่องที่มีคำถามคือ ทำไมประกันสังคม นำเงินไปซื้อหุ้น แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ถือเป็นการซื้อตามปกติ เพราะเห็นว่าราคาลง ที่ราคาประมาณ 6.60บาท แต่เนื่องจากการซื้อครั้งนี้ ทำให้ประกันสังคมไปถือหุ้นเกิน5เปอร์เซ็นต์ ตามกฎหมายต้องรายงานต่อกลต. โดยตามกฎเกณฑ์ ต้องรายงานราคาที่สูงที่สุด ย้อนหลังไป90วัน คนเลยสงสัยว่าทำไมไปซื้อที่ราคา 10บาท เพราะเคยมีการซื้อราคา10บาท

นายมนัส กล่าวถึงพิมพ์เขียว 11 ข้อของการแก้ไขพ.ร.บ.ประกันสังคม ว่า การแก้ไขพ.ร.บ.ประกันสังคมแก้อย่างไรก็ยังไม่ตรงใจ ถ้าไม่พูดให้ชัดเจนว่าจะให้สำนักงานประกันสังคมเป็นองค์กรอิสระหรือไม่ และจะบริหารจัดการอย่างไร ดังนั้นเมื่อตนเห็นพิมพ์เขียวแล้ว อยากให้พรรคเพื่อไทยเสนอประเด็นร่างกฎหมายเพิ่มเติมเข้าไป เช่น อยากให้เปลี่ยนนิยามผู้ประกันตน เป็นคนที่มีรายได้ ขอให้เข้าสู่ระบบประกันสังคมเลย ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นระบบประกันสังคมแบบถ้วนหน้า และมองว่าเรามีการเรียกร้องในเรื่องรับบำนาญชราภาพ อยู่ในระยะเวลา 5 ปี 60 เดือนเสียชีวิต จะได้รับเงินแค่ 10 เท่าของเงินชราภาพ เช่น รับเงิน 3 พันบาท จะได้เพิ่มเป็น 3 หมื่นบาท โดยเงินออมไว้ 2 แสนบาทและส่วนที่เหลือก็เข้าสู่กองทุนประกันสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่หดหู่ใจ แต่การจ่ายเบี้ยชราภาพคำนวณระยะยาว หากอยู่ยืนจะได้กำไรตอนแก่ หากตายเร็วจะขาดทุน แต่หากอยู่นานทุกคนกองทุนจะไม่มีเงินพอจ่าย โดยเฉพาะจะมีการจ้างงานที่ถูกเปลี่ยนในสมัยนี้ และสามารถทำงานที่บ้านได้ ดังนั้นเงินประกันสังคมจะลดลงเรื่อยๆโดยเฉาะผู้ประกันตน เพราะคิดว่านายจ้างกับลูกจ้างจะหดหายไปเรื่อย ๆ ดังนั้นต้องมีกฎหมายออกมาคุ้มครองผู้ใชแรงงานงานที่ทำงานส่วนนี้ด้วยในกฎหมายประกันสังคมฉบับใหม่ ซึ่งใน 11 ข้อนี้ยังไม่มี ทั้งนี้คิดว่าประชาชนทุกคนจะได้ประโยชน์ นอกจากนี้บัตรทองที่ใช้อยู่ประมาณอาจจะลดน้อยลง เพราะคนจะเข้าสู่ประกันสังคมมาตรา 39 เพราะมีค่าทดแทนการขาดรายได้ เลือกเข้าโรงยาบาลได้ จะช่วยประหยัดงบบัตรทอง และนำไปบริหารประเทศ ซึ่งขณะนี้บัตรทองดูแลที่หัวละประมาณ 4 พันบาท สิ่งเหล่านี้จะต้องแก้ไขในการดูแลทั้งประเทศ

ด้านนายอนุสรณ์ กล่าวว่า ความริเริ่มเรื่องการปฏิรูปประกันสังคมเป็นเรื่องที่น่าชมเชย แต่จะสำเร็จได้ต้องร่วมมือกันกับรัฐบาล นอกจากนี้ ปัญหาที่ผ่านมาของระบบประกันสังคมห้วงที่ผ่านมา คือเมื่อผู้จ้างงดจ่ายเงินสมทบให้ลูกจ้าง เงินในระบบประกันสังคมจะหายไปเป็นจำนวนมาก และเมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย คนทำงานจะน้อยลง แต่คนที่จะใช้เงินในระบบประกันสังคจะมีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เราต้องปฏิรูปประบบประกันสังคม เราต้องดูแลอนาคต ไม่เช่นนั้น ลูกหลานของเราต้องทำงานหนักมากเพื่อดูแลผู้สูงวัย ตนอยากเสนอให้แก้กฎหมายให้ประกันสังคมออกจากระบบราชการ แล้วเป็นองค์กรของผู้ประกันตน เหมือนแบงก์ชาติ ให้ผู้ประกันตนเป็นผู้ดูแลเงินของเขาเองผ่านรูปแบบองค์กร สำหรับพิมพ์เขียว 11 ข้อที่พรรคพท.เปิดประเด็นนั้น ตนคิดว่า ต้องมีลูกจ้าง และนายจ้างนั่งเป็นคณะอนุกรรมการด้วย และถ้าจะแก้กฎหมายต้องแก้ให้ล็อกไปเลยว่า ถ้าเป็นรัฐบาลต้องจ่ายอย่างเดียว แต่สำหรับนายจ้าง และลูกจ้างให้จ่ายตามสภาวะเศรษฐกิจ อีกประการคือ ระบบการจ้างงานวันนี้เปลี่ยนไป มีคนที่เป็นฟรีแลนซ์จำนวนมาก คนตกงานจะเพิ่มมากขึ้นเพราะถูกแทนที่ด้วยเอไอ ดังนั้น ระบบประกันในอนาคตต้องสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าจะมีเงินเพียงพอในการจ่ายให้ผู้ประกันตน ต้องมีการประกันรายได้ขั้นต่ำให้คน และคณะกรรมการที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต้องมาจากระบบเลือกตั้ง ตนไม่เห็นด้วยกับระบบสรรหา หรืออาจจะผสมระหว่างสรรหากับเลือกตั้งก็ได้ หรือถ้าจะแต่งตั้งมาจริงๆก็ต้องแต่งตั้งคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆมานั่ง ไม่ใช่ตั้งพรรคพวกตัวเอง

นายสุทิน กล่าวว่า พรรค พท.เห็นตรงกันว่าต้องจัดการกองทุนนี้ วันนี้เราได้ยิน เสียงโอดครวญ พร่ำบ่นและเสียงหายใจรวยรินของผู้ประกันตน เพราะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนทั้งนี้ ที่ผ่านมาต้องมาดูว่าปัญหาเกิดจากอะไร หากเป็นเรื่องข้อกฎหมายก็จะต้องแก้ไข หากเป็นเรื่องการบริหารจัดการกองทุน เรามองว่ามีปัญหาในรายละเอียดอยู่หลายจุด หลายครั้งปฏิบัติตามข้อกฎหมายไม่ได้ หรือเกิดจากรัฐบาลแทรกแซงสั่งการจนทำให้กองทุนบิดเบี้ยว เสียหลักการจนเดินไปไม่ได้ ซึ่งพรรค พท.ยืนยันว่าจะต้องแก้ไขกฎหมายต่อไป ไม่ใช่แก้แบบเฉพาะหน้า ส่วนการปฏิรูปกองทุนฯ นั้นยืนยันว่าต้องทำและจะไม่ช้า ที่ผ่านมาพรรค พท.ศึกษาและยกร่างกฎหมายไว้แล้ว แต่เรารู้ว่าเขียนเองคงไม่สมบูรณ์ จึงต้องชะลอเอาไว้ ทั้งนี้ ตนได้พูดเป็นสัญญาประชาคมกลางสภาฯ เอาไว้ว่าจะต้องแก้ และจะเร่งผลักดันเข้าสภาฯ ต่อไป

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทราบว่าสำนักงานประกันสังคม ได้มีการยกร่างและเสนอต่อรัฐบาลไปแล้ว โดยจะแก้ไขใน 11 ประเด็น ประกอบด้วย 1.แก้ไขหลักเกณฑ์วิธีการได้มาของคณะกรรมการประกันสังคม มาจากการสรรหา 2.จะกำหนดการจำหน่ายหนี้ศูนย์จากบัญชีลูกหนี้ 3.กำหนดอำนาจของคณะกรรมการประกันสังคมเกี่ยวกับการบริหารจัดการลูกจ้าง 4.ขยายอายุผู้ประกันตนจากอายุ 15-60 ปีเป็นไม่มีกำหนดอายุขั้นสูง 5.กำหนดเงื่อนไขการสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตาม ม.39 แก้ไขการคำนวณเงินเพิ่มค้างชำระ 6.แก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทดแทนจากกองทุนผู้ประกันตน 7.กำหนดให้ผู้รับบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม สามารถกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน 8.แก้ไขผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์เพื่อการหยุดงาน การคลอดบุตรเป็นการเหมาจ่ายครั้งร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นเวลา 98 วัน 9.เพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพเป็นร้อยละ 70 10.เพิ่มประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพและแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การรับบำนาญชราภาพ เพื่อส่งเสริมการทำงานผู้ประกันตนสูงอายุ และ 11.แก้ไขมาตรการลงโทษทางอาญาแก่นายจ้าง ที่ไม่ยื่นแบบแสดงการส่งเงินสมทบ และยื่นแบบแสดงการส่งเงินสมทบอันเป็นเท็จ นี่คือ 11 ข้อที่ประกันสังคมจะแก้ แต่รัฐบาลยังไม่ส่งสัญญาณ ซึ่งพรรค พท.จะเปิดใจกว้างเพื่อขอร่วมกับรัฐบาลในการแก้ไข


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่