“อนุทิน” ยันสั่งห้ามย้ายขาด “หมอชาญชัย” จนกว่าสอบสวนเสร็จ ตั้งกก.สอบ 186 รพ.รับเงินบริษัทยา

“อนุทิน” ยันสั่งห้ามย้ายขาด “หมอชาญชัย” จนกว่าสอบสวนเสร็จ ตั้งกก.สอบ 186 รพ.เข้าข่ายรับเงินบริษัทยา

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่าได้แจ้งเวียนผ่านกลุ่มไลน์ไปยังปลัด สธ.และคณะผู้บริหาร สธ.ห้ามออกคำสั่งย้ายขาด นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) ขอนแก่น ออกจากพื้นที่เพื่อให้มีการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีรับเงินบริจาคจากบริษัทยา ว่า เรื่องจากไม่มีหนังสือออกไป แต่เป็นเพียงการเขียนข้อความโน้ตผ่านกลุ่มไลน์ให้แก่คณะผู้บริหารกระทรวงฯ รับทราบ

“โดยไม่ได้รับทราบเพียงแค่ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. แต่รับทราบหลายคน ว่า ขณะนี้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนมาแล้ว 2-3 ชุด ให้ดำเนินการส่วนนี้ให้เรียบร้อยก่อน อย่าเพิ่งทำอะไรที่เกินไปกว่านี้ หากรักษาการก็ไม่ว่าอะไรกัน เพราะว่าเป็นอำนาจของท่านปลัดฯ อยู่แล้ว การทำงานจะต้องให้เกียรติในอำนาจซึ่งกันและกัน” นายอนุทิน กล่าว

นอกจากนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า อำนาจของรัฐมนตรีฯ สั่งไม่ได้ แต่ขอเป็นถ้อยคำได้ว่า อย่าเพิ่งทำอะไร แต่ไม่ใช่คำสั่ง ไม่ได้ก้าวก่าย นพ.ชาญชัย ยังเป็น ผู้อำนวยการ รพ.ขอนแก่น อยู่ แต่ให้มาปฏิบัติหน้าที่ใน สธ.ซึ่งอยู่ในอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ และ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ที่ไปรักษาราชการแทน ก็ยังเป็น ผู้อำนวยการ รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี อยู่ แต่ไปรักษาการที่ รพ.ขอนแก่น เป็นการเขียนโน้ตในไลน์ เผื่อผู้บริหารคนไหนอยากจะย้ายขาดเลย ก็อย่าเพิ่งทำ ซึ่งถือเป็นนโยบาย

นายอนุทิน กล่าวว่า ทั้งนี้มีกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดย นพ.อภิชาติ รอดสม สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 6 เป็นผู้ดูแล และได้ทำรายงานส่งไปยังปลัด สธ. ว่ามีมูล จึงต้องกรรมการสอบวินัย โดยขณะนี้มี นพ.พิทักษ์พล บุญยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11 เป็นผู้ดูแล ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในกรณีที่มีการทักท้วงว่าการมีคำสั่งให้ออกมาก่อน แต่ยังไม่มีการชี้ว่ามีความผิด เป็นธรรมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปถามปลัด สธ. เช่น ในหนังสือที่เขียนว่ามีการข่มขู่พยาน

“ในตรงนี้รัฐมนตรีฯ ไม่รู้หรอก แต่ท่านปลัดฯ เห็นว่ามีข้อมูล ก็ใช้ดุลยพินิจของท่านปลัดฯ โดยจะต้องมีความเป็นธรรมทั้งผู้ถูกกล่าวหาและคณะกรรมการสอบสวน” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าในกรณีที่ นพ.สุขุม ชี้แจงว่าไม่ได้มีการข่มขู่พยาน แต่ในหนังสือมีการระบุว่ามีการข่มขู่พยาน จะต้องชี้แจงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จะต้องดูตามหนังสือที่ปลัด สธ.ลงนาม

“บางครั้งจี้ถามให้สัมภาษณ์ ท่านอาจจะฟังคำถามไม่ชัดเจน และเมื่อมีทั้งคำพูดและหนังสือ แต่ต้องยึดถือตามหนังสือเป็นหลัก คำพูดสู้หนังสือไม่ได้” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีมีการระบุว่า 186 รพ.ในสังกัด สธ.เข้าข่ายการกระทำผิดรับเงินบริจาคจากบริษัทยาเช่นเดียวกับกรณีของ รพ.ขอนแก่น ว่า ในส่วนนี้เป็นเรื่องของตนจะต้องดำเนินการ เป็นเรื่องของหน่วยงานในสังกัด ที่มีผู้กล่าวหาว่ามีการเรียกรับเงิน โดยตนได้ตั้งกรรมการขึ้นมาหาข้อเท็จจริงแล้ว และกำลังจะลงนามในบ่ายวันนี้ โดยแต่งตั้งให้ นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ สธ. เป็นประธานกรรมการ พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ สายวงศ์ และ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัด สธ.หัวหน้าสำนักงานกฎหมาย เป็นคณะกรรมการ และในส่วนอื่นๆ ให้ทางคณะกรรมการไปหารือกัน และแต่งตั้งขึ้นมาเอง เพื่อความเป็นธรรม ตั้งขึ้นมาให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด และเป็นคณะกรรมการที่รายงานตรงแก่ตน

“รพ.ในสังกัดมีพันแห่ง แต่มีถูกกล่าวหา 186 แห่ง ถือเป็นร้อยละ 20 ที่มีการเรียกรับแบบนี้ตามคำกล่าวหา จะต้องรับผิดชอบทั้ง 2 ฝ่าย หากมีการรับจริงก็ผิด ถ้าไม่จริงคนกล่าวหาก็ผิด อย่ามองว่าลุกลามบานปลาย เป็นเรื่องแค่ตรงนี้ และเรื่องนี้ไม่ใช่ความรู้สึกหรือพิสูจน์ไม่ได้ โดยเป็นเรื่องถูกกล่าวหา ว่ามีการจ่ายเงินข้อกล่าวหา และมีการโอนเงิน ดังนั้นหลักของเรื่องคือ หากมีการจ่ายเงิน จะต้องมีหลักฐาน การบริจาคจะต้องมีใบเสร็จรับเงิน เนื่องจากผู้บริจาคสามารถนำไปลดภาษีได้ ทุกอย่างจึงจะมีหลักฐานหมด” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับประชาชน ไม่ต้องห่วงเรื่องการดูแลประชาชน และเป็นเรื่องของคนไม่กี่คน มีประเด็นของเรื่องที่สามารถบอกได้โดยหลักฐาน มีกฎหมายชี้ชัดเจนอยู่แล้วว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องต้องกังวล ตนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ และยึดถือระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินและรัฐธรรมนูญเป็นที่ตั้ง


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่