‘บิ๊กป้อม’ เปิดโครงการ ‘เปลี่ยนพลาสติกเป็นบุญ’ วันสิ่งแวดล้อมโลก ปี63

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดตัวโครงการ “เปลี่ยนพลาสติกเป็นบุญ (เมื่อคุณหมุนเวียน)” เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2563 โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม คณะผู้บริหารจาก 20 กระทรวง ผู้บริหารจากภาคีเครือข่ายภาคเอกชน และกลุ่ม PPP Plastic ร่วมงาน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก และปีนี้ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) ได้กำหนดให้ “Time for Nature ถึงเวลา…คืนลมหายใจให้ธรรมชาติ” เป็นหัวข้อหลักในการรณรงค์ เชิญชวนผู้คนทั่วโลกปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เพื่อคืนสมดุลให้กับธรรมชาติ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเร่งแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมาโดยตลอด โดยเฉพาะปัญหาขยะพลาสติก การเปิดตัวโครงการ “เปลี่ยนพลาสติกเป็นบุญ (เมื่อคุณหมุนเวียน)” วันนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศที่แสดงถึงพลังความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ที่คาดว่าจะสามารถลดปริมาณขยะพลาสติก โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์พลาสติกจากการใช้บริการรับส่งอาหาร หรือ Food Delivery ที่เกิดขึ้นจากการที่ประชาชนให้ความร่วมมือในการอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 อีกทั้งยังทำให้ประชาชนเข้าใจถึงความสำคัญของการคัดแยกขยะ เพื่อนำขยะพลาสติกกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เป็นการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้นทั้งในสังคม และขยะทะเล ขอขอบคุณผู้ร่วมงานและภาคีเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่ร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคืนประโยชน์กลับสู่สังคมไทย ตลอดจนขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ช่วยกันคนละไม้คนละมือ คัดแยกขยะพลาสติกสะอาด ขยะพลาสติกที่ปนเปื้อนอาหาร และทิ้งลงถังให้ถูกต้อง

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการทส. กล่าวว่า การรณรงค์ ภายใต้หัวข้อ “Time for Nature ถึงเวลา…คืนลมหายใจให้ธรรมชาติ” เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลกปีนี้ ถือเป็นจังหวะเดียวกันกับการที่ประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลกต้องเผขิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid -19 ที่ช่วยตอกย้ำว่า เป็นเวลาของธรรมชาติจริงๆ ที่ควรได้หยุดพักและฟื้นฟู เราทุกคนจึงควรกลับมามองตนเอง ว่า ธรรมชาติกำลังปรับสมดุลอย่างไร และส่งสัญญาณอะไรให้กับเราบ้าง และหากเราไม่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้อาจเกิดขึ้นอีกก็เป็นได้ นอกจากนี้ จากการที่ประชาชนใช้บริการ Food Delivery มากขึ้น ส่งผลให้เกิดขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use Plastic) เพิ่มขึ้น เฉลี่ยร้อยละ 15 จากปกติ 5,500 ตันต่อวัน เป็น 6,300 ตันต่อวัน หรือ ใน 1 วัน ก่อให้เกิดขยะพลาสติก จาก Food Delivery เฉลี่ย 11 ชิ้นต่อคน โดยไม่มีการคัดแยก ใช้ซ้ำ หรือรีไซเคิล กระทรวงฯ จึงได้จัดทำโครงการ “เปลี่ยนพลาสติกเป็นบุญ” (เมื่อคุณหมุนเวียน) ขึ้น เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกอย่างครบวงจรและเป็นรูปธรรม ประชาชนสามารถส่งคืนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastics) ผ่านจุดรับคืน (Drop point) ตามสถานที่ต่างๆ ได้ อาทิ หน่วยงานภาครัฐทั้ง 20 กระทรวง และภาคีเครือข่ายความร่วมมือจากมหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาเก็ต และร้านสะดวกซื้อ กลุ่มความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน (PPP Plastics) และเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (TRBN) โดยขยะพลาสติกที่รวบรวมได้นั้น จะถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล หรือ อัพไซเคิล เพื่อใช้ประโยชน์ใหม่ ตลอดจนเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น นำผลิตภัณฑ์ที่ได้มอบให้กับมูลนิธิสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ในการรักษาและช่วยชีวิตสัตว์ทะเล โดยจะวางแผนขยายเครือข่ายและยกระดับการดำเนินงานจัดการปัญหาขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น เช่น การคมนาคมขนส่งของประเทศ โครงข่ายอินเตอร์เน็ต และโทรคมนาคมต่างๆ

นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กิจกรรมเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2563 “TIME FOR NATURE ถึงเวลา….คืนลมหายใจให้ธรรมชาติ” นอกจากการเปิดตัวโครงการ “เปลี่ยนพลาสติกเป็นบุญ” (เมื่อคุณหมุนเวียน) แล้ว ยังได้มีการนำเสนอรายงานการติดตามประเมินผลการรณรงค์ตามนโยบายงดให้ถุงพลาสติกหูหิ้ว โดยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อีกด้วย โดยสำรวจกลุ่มประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการ จากทุกภูมิภาคของประเทศไทย จำนวน 2,164 คน ระหว่างวันที่ 16 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2563 พบว่า ร้อยละ 99.68 รับรู้ว่ามีนโยบาย “งดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วฯ” ร้อยละ 94.73 ได้มีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว เช่น ไม่รับถุงพลาสติก พกแก้วน้ำ ไม่ใช้หลอดพลาสติก พกกล่องข้าว ฯลฯ ร้อยละ 91.77 เห็นด้วยให้รัฐบาลดำเนินการตามนโยบาย “งดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วฯ” ต่อไป ขณะที่ ร้อยละ 76.48 เห็นด้วยกับการออกกฎหมายกำหนดมาตรฐานถุงพลาสติกหูหิ้ว เพื่อช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก และ ร้อยละ 69.32 ประชาชนและผู้ประกอบการ ไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบาย “งดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วฯ” รวมทั้งมีการปล่อยคาราวานรถ Drop Point รับคืนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastics) ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างโครงการ “เปลี่ยนพลาสติกเป็นบุญ” (เมื่อคุณหมุนเวียน) และ โครงการมือวิเศษ x วน อีกด้วย


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่