นับตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน เป็นต้นไป หน้ากากอนามัยกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะในอังกฤษ ไม่ว่าจะขึ้นรถเมล์ รถไฟ เรือ ไปจนถึงเครื่องบิน หลังทางการอังกฤษได้ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่จะอนุญาตให้ผู้คนสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้อีกครั้งหนึ่ง

รัฐมนตรีคมนาคมอังกฤษระบุว่า มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่าการใส่หน้ากากอนามัยมีส่วนช่วยในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ถึงแม้จะอยู่ในวงจำกัดก็ตาม ทั้งนี้ หน้ากากอนามัยไม่จำเป็นต้องเป็นหน้ากากทางการแพทย์ซึ่งควรจะเก็บไว้ให้เจ้าหน้าที่หรือบุคลากรทางการแพทย์ใช้งาน แต่จะเป็นอุปกรณ์ใดๆ ก็ได้ที่ปกปิดใบหน้าซึ่งสามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน

นับตั้งแต่อังกฤษล็อกดาวน์ประเทศเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่จำเป็น ขณะที่มีการใช้รถลดลงกว่าช่วงล็อกดาวน์ ส่วนรถไฟก็มีผู้ใช้งานเพียง 10% ขณะที่รถบัสนอกกรุงลอนดอนก็มีผู้โดยสาร 20% เท่านั้น แต่คาดว่าจำนวนผู้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะจะเพิ่มขึ้นในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากผู้คนจะกลับไปทำงานตามปกติมากขึ้น

คำสั่งให้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยระหว่างการใช้ระบบขนส่งสาธารณะดังกล่าว ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากสหภาพแรงงานคมนาคม รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ในการลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่