| เผยแพร่ |
|---|
วันที่ 5 มิถุนายน 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เครือข่ายพันธมิตรวัคซีน “กาวี” องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ดำเนินแบบหุ้นส่วนร่วมระหว่างรัฐและเอกชนในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประเทศยากจนเปิดเผยว่า องค์กรสามารถระดมทุนจากผู้บริจาคทั้งรัฐบาล เอกชนและมูลนิธิสาธารณกุศลจากหลายประเทศได้เป็นจำนวน 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.7 แสนล้านบาท เพื่อเดินหน้าโครงการสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะการจัดหาวัคซีนให้กับประเทศยากจนทั่วโลกไปจนถึงปี 2568
รายงานระบุว่า ในการประชุมสุดยอดระดมทุนในกรุงลอนดอน GAVI ได้ให้คำมั่นสัญญาเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.4 พันล้านดอลลาร์และจะ“ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กๆ อีก 300 ล้านคนในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกจากโรคร้ายเช่นโรคหัดโรคโปลิโอและโรคคอตีบ”
เครือข่ายวัคซีนยังกล่าวอีกว่า องค์กรได้ระดมทุน 567 ล้านดอลลาร์สู่เป้าหมายเริ่มต้นที่ 2 พันล้านดอลลาร์จากผู้บริจาคระหว่างประเทศเพื่อคำมั่นทางตลาดระดับสูงเพื่อซื้อวัคซีน COVID-19 ในอนาคตสำหรับประเทศยากจน ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยรักษาความปลอดภัยของวัคซีน COVID-19 ให้เพียงพอเมื่อได้รับการพัฒนา เพื่อประเทศยากจนได้สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่มีความเสี่ยงสูงกล่าวเช่นเดียวกับการสร้าง “โดสยาสำรอง” ไว้ใช้ยามจำเป็น
นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดครั้งนี้ และเป็นหนึ่งในผู้บริจาคเงินรายใหญ่ที่สุดของ GAVIให้คำมั่นว่าจะมอบทุนจำนวน 330 ล้านปอนด์ (416 ล้านดอลลาร์) ต่อปีเป็นเวลาถึง 5 ปี
ก่อนหน้านี้ “กาวี” องค์การอนามัยโลกและยูนิเซฟได้ออกมาเตือนว่า มีเด็กราว 80 ล้านคนทั่วโลกที่อายุต่ำกว่า 1 ขวบ เสี่ยงเจ็บป่วยเพราะติดเชื้อโรคเพราะความปั่นป่วนในโครงการสร้างภูมิคุ้มกันอันเกิดจากการระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ “กาวี” เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรแบบหุ้นส่วนระหว่างรัฐ-เอกชน ซึ่งสนับสนุนโดยมูลนิธิบิลล์ แอนด์ เมลินด้า เกตต์ อนามัยโลก ธนาคารโลก ยูนิเซฟและอีกหลายองค์กร ในการจัดซื้อวัคซีนจำนวนมากเพื่อลดตุ้นกับประเทศยากจน
พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่
