“สมศักดิ์”ยันสมคิดไม่เกี่ยวสามมิตร ชี้พรรคปรับเปลี่ยนเพื่อมั่นคงอันดับ1 เจียรไนให้มูลค่าสูงขึ้น

“สมศักดิ์” ชี้ เรื่องธรรมดาพรรคการเมืองปรับเปลี่ยนเพื่อความมั่นคง ขึ้นเป็นอับดับ 1 เหมือนแก้วที่ตกผลึกถูกเจียรไนให้มูลค่าสูงขึ้น ฝากสมาชิกพปชร.หยุดทำให้สังคมเข้าใจผิด ชู “บิ๊กป้อม” มีจุดแข็ง ยัน”สมคิด” ไม่เกี่ยวข้องสามมิตร แต่ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม แย้ม ปรับครม.แน่ ยอมรับ”อนุชา” ชิงเลขาธิการพรรค

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เวลา 12.00 น. ที่ร้านกินเส้น ย่านสนามบินน้ำ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการลาออกของกรรมการบริหารพรรค 18 คนว่า พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคการเมืองใหม่ แม้ที่จริงยังไม่ใช่พรรคที่มีเสียง ส.ส. มากที่สุดในสภา แต่เมื่อได้รับโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคต้องมีกิจกรรมทางการเมืองที่กระฉับกระเฉง และมุ่งมั่นเพื่อที่จะเป็นหลักในทางการเมือง ดังนั้นการปรับปรุงองค์ประกอบของพรรค คือการปรับพื้นฐานของพรรคให้มีความหนักแน่น มั่นคงมากขึ้น จะนำพาพรรคไปสู่การเป็นเสาหลักที่มั่นคงของประเทศต่อไป โดยความสามารถในการรองรับการเปลี่ยนแปลงเป็นคุณสมบัติของพรรคการเมืองที่ดี ดังนั้นการปรับปรุงพรรคจะเกิดขึ้นไปได้เรื่อยๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติของพรรคที่มีโครงสร้างที่ยืดหยุ่นสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ ดังตัวอย่างของพรรคการเมืองในอังกฤษไม่ว่าจะเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมหรือพรรคแรงงาน ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารพรรคอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในทางการเมือง

“การปรับโครงสร้างทางการเมือง ไม่ได้หมายความว่าผู้บริหารเดิมจะไม่สามารถกลับมาได้อีก บุคคลที่เข้าใจชาวบ้าน เข้าใจชาวชนบท เข้าใจ ส.ส. ย่อมได้รับคะแนนนิยมในพรรค ทั้งท่านหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือท่านประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ก็สามารถกลับเข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดของพรรคได้อีกเช่นกัน การลาออกของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้มีการเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ เปรียบเสมือนแก้วที่ตกผลึกแล้ว และกำลังจะถูกเจียระไนให้มีมูลค่าสูงขึ้น”นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขอฝากสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน หยุดในสิ่งที่อาจจะทำให้สังคมเข้าใจผิด จากการสัมภาษณ์ พูดคุย หรือสร้างเครื่องมือการสื่อสารทางสังคมซึ่งอาจทำลายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือบ้านเมือง และอาจจะเป็นการทำลายพรรคในทางอ้อม ซึ่งโดยปกติแล้ว ส.ส. ของพรรคจะมีข้อมูลของประชาชนในพื้นที่อยู่มากแล้ว เราสามารถใช้โอกาสนี้ไปรับฟังเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่มีอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน อย่างไร แล้วนำกลับมาช่วยกันสร้างนโยบายพรรคที่ส่งผลดีต่อประชาชนอย่างแท้จริง ในห้วงเวลาของการปรับเปลี่ยนผู้บริหารนี้ จะทำให้เราได้นโยบายเก่าผสมใหม่ที่ดีถูกใจพี่น้องประชาชน และสิ่งที่เราต้องการคือการเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ของประเทศก็จะอยู่ไม่ไกล

เมื่อถามว่า คนในพรรคต่างสนับสนุนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค นายสมศักดิ์ มองว่า การปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีโอกาสที่จะเข้ามาทำงานใหม่ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง โดยใครที่เข้าใจ และเสนอในส่วนที่จะตอบสนองประชาชนและประเทศชาติได้ คนนั้นก็จะได้รับการยอมรับ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ส่วนในความเห็น พล.อ.ประวิตร เหมาะสมหรือไม่นั้น ตนกำลังฟังว่า พล.อ.ประวิตร จะตอบสนองต่อความต้องการของสังคม และประชาชนได้หรือไม่ แต่ส่วนตัวก็มองว่าพล.อ.ประวิตร มีจุดแข็งที่สามารถ นำเสนอนโยบายให้กับรัฐบาลได้โดยตรง

ส่วนที่ถูกมองว่าจะเป็นจุดอ่อนเพราะสืบเนื่องมาจากคสช. นายสมศักดิ์ ย้ำว่า การเลือกกรรมมาการบริหารชุดใหม่ เป็นเรื่อง สมาชิกด้วย ไม่ใช่แต่ส.ส.อย่างเดียว โดยจะมีตัวแทนแต่ละสาขา ซึ่งการเลือกก็จะขึ้นอยู่กับคนส่วนรวม ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

นายสมศักดิ์ ยังตอบคำถามถึงความสัมพันธ์ กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ว่า เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนความเชื่อมโยงระหว่างนายสมคิดกับกลุ่มสามมิตรนั้น ย้ำว่า ที่ผ่านมานายสมคิด เคยพูดในสภา และอีกหลายๆที่ โดยยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องและไม่ใช่คนในกลุ่มสามมิตร ดังนั้นจะเอามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร พร้อมยืนยัน ไม่เกี่ยวข้องกัน รวมถึงกลุ่มสามมิตร ก็ไม่คิดเป็นกลุ่มก้อน เพราะเราได้สลายสามมิตรไปแล้ว

ส่วนกรณีที่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคจะถูกโยงกับการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ ยอมรับว่า เเน่นอน เพราะนายกรัฐมนตรีได้แบ่งโควต้าให้กับพรรคการเมือง ของแต่ละพรรค ซึ่งพลังประชารัฐเอง ก็จะต้องดูกระทรวงให้เป็นประโยชน์ กับประชาชน ส่วนที่ไม่ตอบสนองประชาชนนั้น ก็ต้องอาศัยโควต้ากลาง อย่างกระทรวงมหาดไทย พร้อมยืนยัน ส่วนตัวดีกับทุกคน ไม่มีปัญหาอะไร ขณะเดียวกัน ยืนยันภายในพรรคไม่เกิดการทะเลาะ แต่การปรับเปลี่ยนเพราะต้องการให้เกิดความกระฉับกระเฉง และขึ้นเป็นพรรคอันดับ 1 รวมถึงปัญหาทั้งหมดจะจบลงด้วยการนำนโยบายที่ดีไปปฏิบัติ

ส่วนกรณีที่เกิดการ ปรับเปลี่ยนแล้วทำให้เกิดคนบางกลุ่มในพรรคไม่พอใจ จนจะไปตั้งพรรคใหม่นั้น นายสมศักดิ์ มองว่า คงขาดใจตายก่อน เพราะรัฐบาลเดินมา 1 ปี ดังนั้นกว่าจะเลือกตั้งก็อีก 3 ปี พร้อมเชื่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ครบ 4 ปี เนื่องจากกระแสความนิยมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันตนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้นเป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถชี้แจงและตอบถึงปัญหาของประชาชนและส.ส.ในสภาได้ดีที่สุด รวมถึงเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ขยันที่สุดตั้งแต่ตนได้ทำงานการเมืองมา

เมื่อถามว่ากรรมการบริหารพรรคที่ยื่นลาออกในความเป็นจริงนั้นมีมากกว่า 18 คนหรือไม่ นายสมศักดิ์ ตอบว่า เป็นเรื่องเทคนิคทางกฎหมาย เพราะกึ่งหนึ่งคือ 17 คน ดังนั้นแค่ 18 คนก็เพียงพอแล้ว ซึ่งถ้าออกเกือบหมด ก็ดูเหมือนไม่ให้กำลังใจกัน เพราะแต่ละคนที่บริหารมา ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ดังนั้นขออย่านำตัวเลขไปวิเคราะห์ เพราะผิดหมด

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์ ว่านายอนุชานาคาศัย ส.ส.ชัยนาท จะขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ว่า ก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของสมาชิกทั้งหมด


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่