3 มิ.ย.63 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯสภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงกรณีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคการเมืองของพรรคใหญ่ปีกรัฐบาลนั้น มันจะเป็นเงื่อนไขไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี(ค.ร.ม.)ของพรรคใหญ่อีกด้วย แต่มีคนปากแข็งว่าไม่เกี่ยวกัน และขณะเดียวกันก็จะบานปลายไปสู่การปรับค.ร.ม.ของพรรคร่วมรัฐบาลซ้อนเข้าไปอีก ก็เนื่องจากจำนวนส.ส.ที่เปลี่ยนแปลงไปของแต่ละพรรค ไม่ว่าจะเป็นส.ส.งูเห่าที่เข้ามาร่วมใหม่ และส.ส.กินกล้วยพรรคเล็กจะผนึกกำลังให้เป็นกลุ่มสิบคน ยอดจำนวนใหม่ส.ส.ของแต่ละกลุ่ม จะถูกใช้เป็นการต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับกลุ่มตน แล้วไปกระทบชิ่งพรรคร่วมรัฐบาลกันเองในการปรับค.ร.ม.ครั้งหน้านี้

การประชุมเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารต้องชะงักอยู่ เพราะการประชุมใหญ่พรรคการเมืองติดล็อคอำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉินแก้โควิดให้ชะลอไว้ก่อน แต่เมื่อเปิดประชุมรัฐสภาได้ ด้วยเหตุผลคือการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ฉะนั้นการประชุมใหญ่พรรคการเมือง ที่มีจำนวนคนน้อยกว่า และต้องปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน ก็ต้องถูกปลดล็อค และจัดให้มีการประชุมได้ด้วย เมื่อใดที่การประชุมใหญ่พรรคการเมืองเกิดขึ้น เราจะได้เห็นภาพความขัดแย้งภายในพรรคปีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ต่างก็มีข่าวความไม่ลงรอยกระหึ่มมาก่อนหน้านี้

แต่ขณะเดียวกันเราก็จะมีโอกาสได้เห็นบุคลากรและพรรคการเมืองใหม่ๆที่ต่างเสนอตัวมาเป็นทางเลือกใหม่เกิดขึ้นควบคู่กันไป ประชาธิปไตยจึงไม่มีทางตัน เพียงต้องเคารพประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงเท่านั้นเอง แต่เมื่อกลุ่มก๊วนสืบทอดอำนาจ ยังหลงประพฤติตัวแบบ ไร้ยางอาย ใจดำ อำมหิต ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ อ้างเป็นตัวแทนประชาชนแต่หักหลังตระบัดสัตย์ไม่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของประชาชน จงรู้ไว้ด้วยว่าเจ้าของอำนาจตัวจริง เขาเตรียมออกมาแสดงฤทธิ์เดชทวงสิทธิและจัดระเบียบสังคมใหม่ด้วยตนเองแล้ว

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่