สธ.ชี้ผลจาก “กระตุกสังคม” ตื่นตัว “โควิด-19” ทำไทยพบผู้ป่วย 0 ราย ติดต่อ 7 วัน

โควิด-19 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า สถานการณ์ในประเทศไทยนับเป็น 0 ราย มาเป็นระยะเวลา 7 วันแล้ว เนื่องจากพบผู้ป่วยรายใหม่เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยยอดรวมผู้ป่วยสะสม 3,083 ราย เป็นดังนี้ 1.การติดเชื้อในประเทศ จำนวน 2,444 ราย คิดเป็นร้อยละ 72.9 และ 2.มาจากต่างประเทศ 639 ราย คิดเป็นร้อยละ 20.8 ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่อยู่ในสถานกักกันของรัฐ (State Quarantine) 146 ราย และอีก 493 ราย เป็นผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสถานกักกันโรคฯ เนื่องจากเดินทางกลับมาก่อนที่รัฐบาลจะกำหนดมาตรการเมื่อวันที่ 8 เมษายน ว่า ให้ผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศทุกรายทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการ จะต้องเข้าพักในสถานที่ที่รัฐจัดไว้

“ตั้งแต่เราเริ่มมีผู้ป่วยรายแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่เราสามารถวินิจฉัยจากการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-pcr หลังจากนั้น ช่วงเดือนมีนาคมเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน คือ ชาวมุสลิมกลับมาจากพิธีทางศาสนา จากประเทศมาเลเซีย/สถานบันเทิง/สนามมวย ซึ่งทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก สูงที่สุดถึง 188 รายต่อวัน โดยอาจารย์แพทย์ได้มาช่วยกระตุกสังคมให้จัดการกับโควิด-19 อย่างไร ก่อนที่จะไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย คือ ระบบสุขภาพจัดการไม่ได้ ผู้ป่วยล้นเตียง ขาดอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ โดยเริ่มมีแคมเปญ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” นพ.อนุพงศ์ กล่าว

นอกจากนี้ นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า ประเทศไทยผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้ รวมทั้งมีกฎหมายควบคุม ทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ.2548 ในการประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย แต่ยังไม่เพียงพอ จึงต้องมีการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้นทุกวัน จนกระทั่งผ่านไป 1 เดือน ก็ได้เริ่มทำการผ่อนคลายมาตรการ เปิดกิจการ/กิจกรรมต่างๆ เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจ หลังจากนี้สิ่งที่หวังจากประชาชนคือ ความร่วมมือ

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่