“เนติวิทย์” เผยตำรวจไม่อนุญาตจัดรำลึก 31 ปี เหตุนองเลือดเทียนอันเหมิน ย้ำไทยไม่ใช่เมืองขึ้นของจีน

วันที่ 2 มิถุนายน 2563 นายเนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ นายกสโมสรนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักเคลื่อนไหวคัดค้านเกณฑ์ทหาร ได้เปิดเผยความเคลื่อนไหวล่าสุดที่จะขออนุญาตกับตำรวจในพื้นที่เพื่อจัดงานรำลึก 31 ปี เหตุสังหารประชาชนในจัตุรัสเทียนอันเหมินในพรุ่งนี้ (3 มิถุนายน 2563) ซึ่งตรงกับวันที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนสั่งทหารเคลื่อนพลปราบปรามประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยที่ชุมนุมอยู่ใจกลางจัตุรัส แต่ตำรวจไม่อนุญาตให้จัดงานดังกล่าว

เนติวิทย์เปิดเผยว่า วันนี้เช้าผมได้เดินทางมาที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อรับหนังสือแจ้งไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมถือป้าย “ประเทศไทยเป็นประเทศเอกราช ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจีน” และ “ปกป้องแม่น้ำโขง” และจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์เทียนอันเหมิน 4 มิถุนายน ซึ่งปีนี้ครบรอบ 31 ปีที่ประชาชนและนักศึกษาหลายร้อยหลายพันคนต้องบาดเจ็บ ถูกสังหารผลาญชีวิตโดยกองทัพจีน

มันผิดอะไรหรือ ในฐานะคนไทยจะกังวลกับประเทศของเราเองที่ถูกจีนครอบงำอย่างยิ่ง ทั้งยังกำลังทำลายแม่น้ำโขง ระบบนิเวศสำคัญของอาเซียนและโลก โดยที่ประเทศจีนไม่สนใจเสรีภาพของประชาชนอย่างที่เคยเกิดในเหตุการณ์เทียนอันเหมินเมื่อ 31 ปีที่แล้ว ยังไม่นับอีกหลายเหตุการณ์เช่น เข้าบุกรุกและทำลายพุทธศาสนาในทิเบต และเอาคนอุยกูร์นับล้านมากักกัน หรือล่าสุดทำลายหลักประกันสิทธิเสรีภาพของคนฮ่องกง

การถูกปฏิเสธครั้งนี้นับว่าแปลก เพราะผมและเพื่อนๆ ได้มารำลึกถึงเทียนอันเหมินติดต่อกันมา 2 ปีแล้ว และได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ทำไมปีนี้ถึงไม่ได้ ทั้งที่เราก็บอกว่าจะมากันแค่ 10 คนเท่านั้น และยืนห่างกัน 2 เมตร ข้ออ้างโควิดจึงฟังไม่ขึ้นเลย ถ้าเทียบกับปริมาณคนบนรถไฟฟ้าในตอนนี้ ทำไมรัฐบาลจีนถึงมีอิทธิพลขนาดนี้ และทำไมรัฐบาลไทยถึงกลัวก้มหัวให้จีนได้ขนาดนี้ น่าเศร้าด้วยว่านี่อาจเป็นการบ่งบอกถึงอนาคตประเทศไทยที่เราจะสูญเสียเสรีภาพ และกดขี่ประชาชน เพราะรัฐบาลกำลังยอมมอบประเทศแก่จีน ถึงจะจัดไม่ได้ก็ตาม แต่ผมขอยืนยันและเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากยังเห็นว่า “ประเทศไทยไม่ใช่เมืองขึ้นของจีน” แม้จะถือป้ายนี้ไม่ได้ก็ตาม

จิตวิญญาณของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของชาวเทียนอันเหมิน 1989 จงเจริญ

เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ

สำหรับเนติวิทย์ เคยจัดงานรำลึกที่เกี่ยวข้องกับประเด็นจีนที่สำคัญคือ จุดเทียนไว้อาลัยหลิวเสี่ยวโป นักเคลื่อนไหวชาวจีนที่เสียชีวิตจากโรคร้ายท่ามกลางการปิดกั้นจากรัฐบาลจีน หรือเมื่อไม่กี่ปีก่อนที่จะเชิญนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง ที่มีจุดยืนต่อต้านรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนมาบรรยายที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ก็ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทยห้ามเข้าประเทศพร้อมกักตัวเป็นเวลา 8 ชั่วโมงก่อนถูกส่งตัวกลับ โดยอ้างว่าจะกระทบความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน ซึ่งทำให้ทางการไทยถูกมองว่ากำลังเป็นลูกไล่จีนที่ต้องทำตาม

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ของไทยกับจีนแผ่นดินใหญ่ มีความแน่นแฟ้นโดยเฉพาะหลังการรัฐประหาร 2557 ที่รัฐบาลเผด็จการทหาร คสช.ถูกชาติตะวันตกลดระดับความสัมพันธ์ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจเพราะมาจากการยึดอำนาจ แต่จีนกลับเป็นชาติมหาอำนาจที่ออกมาสานสัมพันธ์กับรัฐบาลเผด็จการทหารตอนนั้นอย่างเปิดเผย และนำไปสู่ความร่วมมือหลายด้านจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับนักวิเคราะห์ที่มองว่า จีนดำเนินนโยบายดึงชาติอาเซียนเป็นพันธมิตรและแผ่อิทธิพลครอบงำ อย่างที่เห็นได้ชัดในกรณีลาวและกัมพูชา พร้อมกับที่จีนดำเนินยุทธศาสตร์ใหญ่อย่าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” และสร้างฐานอำนาจทางทะเลในพื้นที่ยุทธศาสตร์ซึ่งได้กลายเป็นประเด็นพิพาทเขตแดนอย่างพื้นที่ทะเลจีนใต้

นอกจากนี้ อีกตัวอย่างที่แสดงถึงท่าทีเชิงปกป้องจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยคือ ความเคลื่อนไหวบนโลกโซเชียลที่มักพบผู้ใช้งานหรือเพจโซเชียลในกลุ่มขวาจัดในไทย แสดงความเห็นเชิงสนับสนุนรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่อย่างในกรณีการชุมนุมที่ฮ่องกงซึ่งใช้คำพูดเชิงยั่วยุให้ใช้กำลังทหารสลายผู้ชุมนุม

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่