ฟ้องศาลปกครอง เพิกถอนคำสั่ง อสส.ชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดี”โอ๊ค”

โฆษกพลังธรรมใหม่ ฟ้องศาลปกครอง เพิกถอนคำสั่ง อสส.ชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดี “โอ๊ค”ฟอกเงิน 10 ล้าน

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ เข้ายื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่ง ของอัยการสูงสุดชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดีดำหมายเลข อท. 245/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีกล่าวหาร่วมกันฟอกเงิน 10 ล้านบาท จากเหตุที่ธนาคารกรุงไทย อนุมัติสินเชื่อให้เครือกฤษดามหานคร เนื่องจากเห็นว่ากรณีนี้ในเส้นทางของกระบวนการยุติธรรม ยังสามารถดำเนินการได้ โดยคำสั่งศาลที่ยกฟ้องนายพานทองแท้ มีผู้พิพากษาเสียงข้างน้อยที่ว่านายพานทองแท้มีความผิด อีกทั้งประชาชนก็ยังมีความเคลือบแคลงสงสัย จึงควรที่อัยการสูงสุดควรมีคำสั่งให้อุทธรณ์คดี แต่กลับมีความเห็นไม่อุทธรณ์ จึงเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล ประกอบกับก่อนหน้านี้ทางศาลก็ได้อนุญาตให้ขยายระยะเวลาการอุทธรณ์ออกไป ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ซึ่งยังมีเวลาแต่เหตุใดอัยการสูงสุดจึงรีบมีคำสั่งไม่อุทธรณ์ และเป็นการพิจารณาในตอนที่อัยการสูงสุดติดภาระกิจต่างจังหวัด

นายจาตุรันต์ กล่าวว่าอยากให้อัยการสูงสุดทบทวนคำสั่งไม่อุทธรณ์ใหม่ โดยสามารถที่จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา เช่นเดียวกับในอดีตที่นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุดในขณะนั้น มีคำสั่งตั้งคณะทำงานทบทวนกรณีนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด มีความเห็นไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในดคีก่อการร้าย เพราะคดีของนายพานทองแท้ หลังกฐานค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะความเห็นของดีเอสไอ และความเห็นของผู้พิพากษาเสียงข้างน้อย อย่างไรก็ตามทางพรรคพลังธรรมใหม่ กำลังพิจารณาว่าจะมีช่องทางใดที่จะดำเนินการได้อีก ซึ่งอาจจะมีการไปยื่น ป.ป.ช.เพื่อขอให้ตรวจสอบในประเด็นนี้ รวมทั้งการลงนามในคำสั่งไม่อุทธรณ์ของรองอัยการสูงสุดด้วยเหตุว่าอัยการสูงสุดไม่อยู่ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และสามารถทำได้หรือไม่

อย่างไรก็ตามการฟ้องศาลปกครองของนายจาตุรัตน์ ในวันนี้ไม่ได้ร้องขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน แต่เป็นการฟ้องตามกระบวนการเท่านั้น

“สิ่งที่ประชาชนสงสัยคือเส้นตามกระบวนการยุติธรรมยังสามารถเดินต่อไปได้ตามกระบวนการ คือ การอุทธรณ์ และสิ่งที่สูดสุดคือการฎีกา แต่เมื่อศาลตัดสินยกฟ้อง โดยมีผู้พิพากษา 2 ท่านเป็นองค์คณะ 1 ท่านเห็นควรไม่ผิด แต่อีก1ท่านเห็นควรให้นายพานทองแท้ มีความผิด ดังนั้นสิ่งที่อัยการต้องทำคือดำเนินการอุทธรณ์ต่อตามความเห็นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ซึ่งเป็นเจ้าของคดี แต่สุดท้ายแล้วอัยการสูงสุดมีความเห็นไปทางที่สังคมเกิดความสงสัย เกิดความเคลือบแคลงถึงการใช้ดุลพินิจในการทำหน้าที่ว่าอยู่บนรากฐานของความสมเหตุสมผลหรือไม่ “โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่กล่าว


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่