พปชร.ค้านตั้งกมธ.วิสามัญสอบงบโควิด1.9ล้านล้าน ชี้เสียเวลา เปลืองงบ ซ้ำหน่วยอื่น

สุชาติ ชมกลิ่น

ปธ.สส.พปชร.ค้านตั้งกมธ.วิสามัญตรวจสอบงบโควิด ชี้ซ้ำซ้อนกมธ.สามัญ35 คณะ สิ้นเปลืองเวลา -เบี้ยประชุม ยันอยู่ในสายตา สตง.-ป.ป.ช ต้องรายงานรัฐสภา โวมาตรฐานเข้มกว่าพรก.เงินกู้ยุคสมัย “อภิสิทธิ์ – ยิ่งลักษณ์”

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และ ประธาน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้าน และ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้สภาตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาตรวจสอบการใช้เงินกู้1.9 ล้านล้านบาทว่า ส่วนตัวตนไม่เห็นด้วยกับการตั้งกมธ.วิสามัญฯดังกล่าว เพราะมีหน่วยงานราชการที่น่าเชื่อถือพิจารณาและกลั่นกรองอยู่แล้ว อาทิ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ร่วมทั้งในระดับพื้นที่จะต้องเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัด และ กลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.)กลั่นกรอง ก่อนเสนอให้ครม.เป็นผู้อนุมัติโครงการตามที่เสนอมาเท่านั้น โดยนักการเมืองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะที่สภาฯ ก็มีกมธ.สามัญฯ จำนวน 35 คณะ ซึ่งสามารถทำหน้าที่และสามารถตรวจสอบพรก.กู้เงิน1.9 ล้านล้านบาท ทั้ง3ฉบับ พวกเราที่เป็น ส.ส. ทุกคน ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ในฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องมั่นใจในระบบราชการที่เข้ามาดูแลงบประมาณตัวนี้ จึงไม่จำเป็นต้องตั้งกมธ.วิสามัญฯ ให้ขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน เสียเวลาการทำงานกับทุกฝ่าย และรวมทั้งเสียงบประมาณของแผ่นดิน เกี่ยวกับเบี้ยประชุมอีกด้วย

ประธานส.ส.พปชร. กล่าวว่า ในส่วนที่ฝ่ายค้านคิดและเป็นข้อกังวลในการใช้งบประมาณเกรงว่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น หรือใช้งบประมาณไปไม่ตรงวัตถุประสงค์นั้น ท่านต้องอย่าลืมว่าประเทศไทยนั้นก็มีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน( สตง.) และ คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ร่วมตรวจสอบ ยิ่งโดยเฉพาะพรก.เงินกู้ 1 ล้านบาทถือว่า มีกรอบดำเนินการที่รัดกุมโดยใช้กฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะมาบังคับใช้ กำกับติดตาม การเบิกจ่ายเงินกู้ และ ต้องมีการประเมินโครการต่างๆ นำเสนอต่อ ครม.ทุก 3 เดือน ส่วนการกำกับติดตามเงินกู้และผลสัมฤทธิ์ของโครงการ มาตราการต่างๆเหล่านี้ ผมเชื่อและมั่นใจว่า ท่าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั้นได้คิดและวางแผนมาตราการต่างๆในการบริหารจัดการไว้แล้ว ซึ่งมีการรายงานต่อรัฐสภาภายใน 60 วันนับแต่สิ้นปีงบประมาณ ซึ่งถือว่ามีมาตรฐานตรวจสอบ หรือ มีการประเมิน KPI สูงกว่าเมื่อเทียบกับพรก.เงินกู้ในอดีตคือ พรก.ไทยเข้มแข็งในปี 52 และพรก.กู้เงินเพื่อวางระบบบริหารน้ำ ปี 2555