บิ๊กตู่ลุกโต้ ส.ส.ใต้ พูดไม่เข้าหู จี้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จังหวัด ถามกลับ มันจบหรือยัง?

‘บิ๊กตู่’ ลุกโต้ ส.ส.ใต้ พูดไม่เข้าหู จี้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จว.ใต้ ถาม มันสงบหรือยัง ขอ ส.ส.มองกันในแง่ดีบ้าง ลั่น ‘กู้มาผมก็เป็นหนี้ด้วย’

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน จำนวน 3 ฉบับ วงเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท โดยนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ได้อภิปรายว่า แม้จะเห็นใจรัฐบาลในสถานการณ์นี้ต้องหาเงินเพื่อแก้โรคระบาด แต่มาตรการด้านความมั่นคง ด้านสาธารณสุข ต้องเดินควบคู่ไปกับด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย เชื่อว่า พ.ร.ก.กู้เงินนี้ถึงอย่างไรก็ผ่านสภา เพราะรัฐบาลมีเสียงข้างมาก แต่มีข้อห่วงกังวล โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด เกรงว่ารัฐบาลจะกู้เงินแล้วไม่ได้แก้ปัญหาตรงจุด ความรู้สึกไม่เป็นธรรมของประชาชนกำลังเกิดขึ้น เพราะไม่ได้รับช่วยเหลือเยียวยาจากการกู้เงินฉบับนี้ ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้คนที่เกี่ยวข้องกับการมาตรการคัดกรอง ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแพทย์สาธารณสุข อยากรู้ว่า ท่านจะให้ค่าตอบแทนค่าเสี่ยงภัยกับคนกลุ่มนี้หรือไม่

นายกมลศักดิ์กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือเรื่องสถานที่กักตัว โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ต้องรองรับการกักตัวของพี่น้องที่อยู่ในมาเลเซียนั้น อบต.หรือเทศบาลมีงบประมาณเพียงพอในการดูแลหรือไม่ สถานที่กักตัวส่วนใหญ่เป็นโรงเรียน แล้วถ้า 1 กรกฎาคมเปิดเทอมจะใช้สถานที่ไหนกักตัว นอกจากนี้ อยากเห็นรัฐบาลให้การช่วยเหลือแรงงานไทยในมาเลเซีย ยกเลิกเงื่อนไขฟิต ทู ทราเวล ซึ่งวันก่อน ศบค.แถลงข่าวว่าแรงงานกลับจากด่านมาเลเซียลดลง ไม่เต็มจำนวน 350 คน แต่ที่กลับมาไม่ได้เพราะไปสร้างเงื่อนไขให้เขาต้องมีใบรับรองแพทย์ ซึ่งหาไม่ได้ เสียค่าใช้จ่ายมากถึง 4,000 บาท จึงเป็นที่มาของการลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ซ้ำร้ายถูกปรับคนละ 800 บาท ซ้ำร้ายกว่านั้นมีการเก็บดีเอ็นเอของคนที่ถูกปรับที่ด่านใน 3 จังหวัดด้วย ดังนั้น เมื่อเงินผ่านสภาแล้วขอให้รัฐบาลรีบนำเงินไปช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในมาเลเซียด้วย ส่วน พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ใช้มา 2 เดือน และพยายามขอให้ยกเลิกนั้น พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้อยู่กับความอึดอัดนี้มา 16 ปีแล้ว หากท่านจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า กรณีคนเดินทางกลับจากต่างประเทศจะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง กักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลดูแลทั้งหมด ที่ผ่านมามีเรื่องการลักลอบผ่านข้ามชายแดนเป็นปัญหามาก แม้ตนเข้าใจความจำเป็นของคนเหล่านั้น แต่ไม่สนับสนุนให้ทำ ที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรนให้ เช่น การเสียค่าปรับลักลอบข้ามแดน 2,000 บาท ลดลงเหลือ 800 บาท ถ้ามองว่าเป็นภาระมันก็ใช่ แต่ต้องถามกลับว่าแล้วเราจะเอากฎหมายไว้ตรงไหน จึงจะต้องมีการหารือกันต่อไปว่าจะทำอย่างไร สำหรับจำนวนคนที่เข้ามามีมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรต้องเพียงพอกับขีดความสามารถในการรักษาและสถานที่จัดการของรัฐและเอกชน หากมองในเรื่องสิทธิมนุษยชนที่จะทำอย่างเท่าเทียมกันนั้นก็ต้องดูกฎหมายด้วย ซึ่งไม่ได้เขียนไว้เพื่อคนรวย คนจน แต่เป็นกฎหมายกลางที่ใช้ดูแลร่วมกัน และถ้าดูตามตัวเลขที่เสนอกันมาก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินตรงไหนมาดูแล หากเงินเพียงพอ ตนก็เห็นด้วย แต่ขอให้คิดง่ายๆ ด้วยว่า ถ้าเราไม่มีหลักเกณฑ์ ไม่มีอะไรเลย คนจะเท่าเทียมกันทั้งหมดจะได้หรือไม่

“ประเทศไทยทำได้ดีขนาดที่ต่างประเทศชื่นชม ตนทราบว่าคนไทยลำบาก ความเดือดร้อนของคนไทย รัฐบาลไม่ทิ้งอย่างแน่นอน และจะไม่มีการทุจริต ทุกคนเสียภาษีเหมือนกันหมด ตนเองก็เสียภาษี พวกท่านเป็นหนี้ผมเองก็เป็นหนี้ด้วย หนี้ตรงนี้ต้องมาชดใช้ด้วยการทำให้ประเทศมีผลผลิตและมีความก้าวหน้า ตัวเลขหนี้สาธารณะที่ปรากฏขึ้นมานั้นเกิดมาหลายรัฐบาลก่อนหน้านี้ แต่ต้องมีการก่อหนี้เพิ่มนั้นเพื่อรักษาและเยียวยาและฟื้นฟูประเทศให้เข้มแข็งขึ้น ต้องเข้าใจว่าเราต้องบริหารตามกฎหมาย การที่จะให้รัฐบาลจ่ายเงินให้เร็วต้องไปดูเรื่องทะเบียน รัฐบาลไม่สามารถล้วงทุกบ้านได้ ท่านต้องรู้จักหน้าที่ในการลงทะเบียนให้ถูกต้อง ใครทำเกษตร ใครทำอาชีพอิสระ ผมพร้อมจ่ายทั้งหมด แต่จะทำอย่างไรให้ไม่ซับซ้อน เงินจำนวนนี้ให้เพื่อดำรงชีพช่วงโควิดเท่านั้น แต่ช่วงนี้เป็นเงินดำรงชีพ 3 เดือนที่ไม่สามารถเอาไปผ่อนรถหรือมอเตอร์ไซค์ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเรียนนั้น จะต้องทำอย่างไรให้นักเรียนไม่ลืมการเรียน จึงใช้ระบบออนไลน์หรือการเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม ตนเห็นว่าน่ารักดี พ่อแม่ปู่ย่ายายนั่งดูทีวีกับลูกหลาน ค่าใช้จ่ายกระทรวงดีอีเอสก็ดูแลให้ ถ้าท่านตั้งโจทย์ว่าไม่ดีไปหมด ถามจะคุยกันรู้เรื่องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนต้องขอบคุณ ส.ส. ท่านกับตนร่วมชาติกันอยู่แล้ว เรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นกฎหมายกลางเพื่อให้เกิดมาตรฐานในการดำเนินการ ซึ่งผลที่ออกมาถามว่าดีหรือไม่ ก็ดี คนป่วยไม่มาก ติดเชื้อน้อยลง แต่ถ้าเราไม่ใช้กฎหมายกลางนี้ออกไปก็จะอลหม่านอีกแล้วแก้ไขไม่ได้ รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ มันเป็นความจำเป็น แม้เราจะมี พ.ร.บ.ควบคุมโรค แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดแพร่ระบาดไปหลายจังหวัด จึงต้องมีกฎหมายตามออกมา เพื่อให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ผลจากการใช้กฎหมายดังกล่าวถือว่าดี หากไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็จะอลหม่านไปหมด รัฐก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือรัฐบาลอีก รัฐบาลได้พิจารณาอย่างรอบคอบเพราะมีความจำเป็น

“ส่วน พ.ร.ก.ฉุกเฉินในภาคใต้ที่ใช้มา 16 ปี ถามว่า แล้วปัญหาจบหรือยัง มันก็ยังไม่จบ ยังมีการลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่ ถามว่าคนส่วนใหญ่จะปลอดภัยได้อย่างไร และไม่ได้ห้ามใครไปไหนมาไหน ใช้เฉพาะที่จำเป็น เมื่อเกิดเหตุการณ์สถานการณ์ใช้กฎหมายปกติไม่เพียงพอ ขอให้เข้าใจว่ามีการใช้หนักเบากันได้ เว้นแต่บางเรื่องที่ให้ไม่ได้ เพราะต้องคำนึงความปลอดภัยคนจำนวนมาก แม้แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีใครอยากลงไปทำ แต่ก็ปฏิเสธกฎหมายไม่ได้ เพราะคนไทยทุกคนต้องปฏิบัติตามและเคารพกฎหมาย สิ่งที่รัฐบาลทำในวันนี้เพื่อให้เข้มแข็งต่อไปในวันข้างหน้า หากทุกคนช่วยรัฐบาลโดยไม่ถือว่าเป็นฝ่ายใดตนคิดว่าประเทศจะเดินไปข้างหน้าได้โลด ฉะนั้น อะไรที่ดีกรุณาส่งเสริม ถ้ามองว่าไม่ดีทั้งหมด ผมว่าไม่ใช่ ผมก็ฟังมาทุกอันต้องขอบคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว