วันที่ 29 พฤษภาคม 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัฐบาลฮ่องกงได้ออกมาเตือนรัฐบาลสหรัฐฯว่าหากคิดจะดำเนินการถอนสถานะพิเศษภายใต้กฎหมายสหรัฐฯกับฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินโลก จะกลายเป็นดาบสองคม และเรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดแทรกแซงกิจการภายใน

โดยฝ่ายบริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้กล่าวเตือนในช่วงดึกวานนี้ว่า มาตรการลงโทษใดล้วนเป็นดาบสองคมซึ่งไม่เพียงทำร้ายผลประโยชน์ฮ่องกงแต่ยังส่งผลสำคัญต่อสหรัฐฯด้วย

การออกมาเตือนของฮ่องกงครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกมากล่าวว่า ฮ่องกงได้สูญเสียความเป็น 1 ประเทศ 2 ระบบแล้วและเสนอให้พิจารณาถอนสถานะพิเศษทางการค้าและการลงทุน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ สภาประชาชนแห่งชาติของจีนได้ผลักดันกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของจีนและเห็นชอบเมื่อช่วงเย็นวานนี้ โดยกฎหมายดังกล่าว รัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ระบุว่า เอาไว้ใช้รับมือการกระทำในลักษณะแบ่งแยกดินแดน การโค่นล้มรัฐบาล การก่อการร้ายและการแทรกแซงจากต่างชาติต่อฮ่องกง ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า กฎหมายความมั่นคงนี้ มุ่งใช้จัดการกับชาวฮ่องกงที่มีจุดยืนต่อต้านรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ที่แทรกแซงการเมืองฮ่องกงและเรียกร้องให้จีนยอมรับข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ซึ่งสาระสำคัญ ชาวฮ่องกงต้องปกครองตนเองและเลือกผู้บริหารจากเสียงของชาวฮ่องกงเท่านั้น โดยไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาลจีน

แต่หลังจากที่สภาประชาชนแห่งชาติจีนเห็นชอบ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ออกมาประกาศตอบโต้การตัดสินใจของสภาประชาชนในการออกกฎหมายฉบับนี้

ทั้งนี้ ในช่วงปี 2009-2018 สัดส่วนทางการค้าสหรัฐฯ-ฮ่องกง มากที่สุดในกลุ่มคู่ค้าทั้งหมด โดยมีมูลค่าทางการค้าถึง 297,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีบริษัทสัญชาติสหรัฐฯตั้งอยู่ในฮ่องกงถึง 1,300 บริษัท